`สวนสุขภาวะ-ห้องสมุดกำแพง`พื้นที่แห่งการเรียนรู้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
จากพื้นที่ที่ไม่มีใครเหลียวแล มีเพียงขยะกองโตเป็นภัยอันตราย ของชุมชน แต่ด้วยการพัฒนาที่ ไม่มีวันสิ้นสุดเป็นจุดสะท้อนความ เข้มแข็งของการมีส่วนร่วมของสมาชิก ในชุมชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และภาคีเครือข่าย พื้นที่แห่งนี้ ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในที่สุด ได้กลายเป็น "สวนพื้นที่สุขภาวะแห่ง การเรียนรู้"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และมหาวิทยาลัยสยาม เปิดตัว "สวนพื้นที่สุขภาวะ และห้องสมุดกำแพง" ณ พื้นที่สุขภาวะหลัง ม. สยาม รุ่งฟ้า 36 เขตภาษีเจริญ โดยเปลี่ยนกองขยะให้กลายเป็นพื้นที่สุขภาวะที่ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ตามอัธยาศัย
"หากมีเพียงหน่วยงานของรัฐเข้ามาพัฒนา ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่จะไม่ยั่งยืน สิ่งที่ทำให้ความสำเร็จอยู่ยั่งยืนได้คือประชาชนในชุมชน" นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าวถึงการสร้างสวนพื้นที่สุขภาวะแห่งการเรียนรู้ว่า กรุงเทพมหานครได้มีนโยบายที่จะพัฒนาพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นพื้นที่สุขภาวะ โดยมุ่งสร้างให้แต่ละเขตของกทม. มีพื้นที่สุขภาวะอย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งสวนแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สสส. กทม. ม.สยาม เขตในพื้นที่ และที่สำคัญ คือ ประชาชนในพื้นที่ที่ช่วยกันดูแลสวนแห่งนี้ เมื่อประชาชนมีส่วนร่วมก็จะรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ และเมื่อคนในชุมชน รู้สึกเป็นเจ้าของก็จะเกิดความรัก และการดูแลรักษา เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงเรียกได้ว่าเป็นประชารัฐเต็มรูปแบบ ซึ่งสวนแห่งนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจจากหลาย ๆ ฝ่ายและด้วยความร่วมมือ ของประชาชนจะทำให้สวนแห่งนี้อยู่ได้อย่างยั่งยืนและถาวร
"สสส.เอง มีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาวะที่ดี ทั้งด้านกาย ใจ สังคม และปัญญา" ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม วิถีชีวิตสุขภาวะ (สสส.) เล่าถึงวิธีการทำให้ร่างกายแข็งแรงอย่างง่าย ๆ ด้วยวิธีการออกกำลังกาย การขยับร่างกาย แต่เพียงเท่านี้อาจไม่พอ ควรมีพื้นที่ให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิต มาร่วมกันทำกิจกรรม และเมื่อทำกิจกรรมร่วมกันจะเกิดเป็นกิจกรรมทางสังคม เกิดความสัมพันธ์เชิงสังคมและพัฒนาต่อไปในเรื่องของสติปัญญา และจิตใจในเบื้องลึกต่อไป
"สวนพื้นที่สุขภาวะแห่งนี้ เป็นพื้นที่สุขภาวะชุมชนในเขต กทม. ที่ส่งเสริมสุขภาวะทุกมิติ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ทั้ง 7 รูปแบบ ได้แก่ ด้านกายภาพ การมองเห็น การพูด การเข้าสังคม การเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้ตรรกะ และการฟัง ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดีเพื่อการเปลี่ยนแปลงสร้างสุขภาวะที่ดีของคนเมืองกรุงต่อไป" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
"การที่เราจะรักษาสุขภาพของประชาชนได้นั้น ไม่ใช่ว่าต้องมีโรงพยาบาลมาก ๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่อีกทางคือ เราจะทำอย่างไร ให้ประชาชนจะมีสุขภาพแข็งแรง โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล" ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม ได้เล่าถึงการสร้างสวนพื้นที่สุขภาวะแห่งนี้โดยมุ่งหวัง ให้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสุขภาพที่ แข็งแรงให้กับประชาชน โดยกว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ ตนได้มองพื้นที่รกร้างแห่งนี้เป็นห้องทดลองที่มีชีวิต การเรียนรู้ที่แท้จริงจะต้องสามารถประยุกต์ให้เข้ากับชุมชนท้องถิ่นและสังคมได้ ชุมชนและสังคมก็เปรียบเสมือนห้องทดลองของมหาวิทยาลัย จึงได้ใช้ประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่เพื่อเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ และร่วมกันทำงานกับชุมชนและสังคม ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้เป็นความสำเร็จร่วมกันของคนในชุมชน เพราะหากไม่มีชุมชน ก็ไม่อาจสร้างการเรียนรู้ที่แท้จริง ให้เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้สวนพื้นที่สุขภาวะ และห้องสมุดกำแพง เป็นพื้นที่สุขภาพที่เป็น ความภาคภูมิใจของคนในชุมชน ด้วยการ สนับสนุนของสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยสยาม และหน่วยงานอื่น ๆ และที่สำคัญคือประชาชนในพื้นที่เขตภาษีเจริญ ที่มีเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นที่ช่วยกันพัฒนาชุมชนของตนเองให้ดียิ่งขึ้น