`วิ่งสมาธิ` ฝึกจิต พิชิตเส้นชัย
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ / กลุ่มซิติี้รันคลับ
เมื่อ "การวิ่ง" กลายเป็นการ ออกกำลังกายยอดฮิตของคนเมือง เพียงหยิบแค่รองเท้าและก้าวออกไปวิ่ง ง่ายๆ แค่นั้น สุขภาพดีๆ ก็รออยู่ ข้างหน้าแล้ว
แต่รู้ไหมว่า นอกจากเราจะวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งเพื่อการเข้าสังคม สังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง หรือผ่อนคลายความเครียดแล้ว การวิ่งยังให้อะไรมากกว่านั้น นั่นคือ "สมาธิ"
สำหรับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุชาติ โสมประยูร ผู้คิดค้นการวิ่งสมาธิ ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติมถึงการทำงานที่เชื่อมโยมสองสิ่งนี้มาไว้ด้วยกันว่า ขณะที่การทำสมาธิเป็นกิจกรรม ออกกำลังจิตเพื่อเพิ่มสมรรถภาพจิต ส่วนการวิ่งเหยาะๆ เป็นการเพิ่มสมรรถภาพให้ร่างกาย สร้างความแข็งแรงให้ทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ ปอด และร่างกาย เมื่อการวิ่งเหยาะๆ ผนวกรวมกับสมาธิ นั่นหมายถึง การวิ่งเหยาะๆ อย่างมีสติ รู้ตัวเอง
ราวๆ 20 ปีก่อน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุชาติ ได้วิ่งเหยาะๆ ไปกับการภาวนา "พุท-โธ" ในระหว่างที่หายใจเข้า-ออก บูรณาการระหว่างร่างกายกับจิตใจ ซึ่งหลังจากการวิ่งแบบภาวนาประมาณ 5 เดือน ก็ค้นพบว่า 1. เกิดอาการติดวิ่งสมาธิ 2. ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และหลับสบาย 3. ระบบต่างๆ ของร่างกายได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น 4. แก้ไขปัญหาสุขนิสัยที่ไม่ดีของตนเองได้ง่ายขึ้น 5. ลดความเสี่ยงจากโรคและอุบัติภัย ได้มากขึ้น 6. ร่างกายกระฉับกระเฉง ทะมัดทะแมง แคล่วคล่องว่องไว 7. อารมณ์ สดชื่น แจ่มใส มีชีวิตชีวา และดูไม่แก่เกินวัย
เสริมโดย อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สสส.ได้บอกถึงการวิ่งสมาธิว่า ไม่ว่าเราจะวิ่งสไตล์ไหน สิ่งสำคัญที่เราควรมีในทุกขณะของการวิ่งคือ 'สมาธิและสติ' เนื่องจากเราต้องระมัดระวังทั้งรถและคน ฟังเสียงร่างกายตัวเอง รู้ทันความคิดของตัวเอง เมื่อหยุดฟังตัวเอง และใช้ใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ เราจะเกิดปัญญา ความเข้าใจ ในกิจกรรมที่ทำ
เช่นกันกับนักวิ่งสายเมือง (ซิตี้รัน) อย่าง คิม – พีรดนย์ นำศิริวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มซิตี้รันคลับ แม้จะไม่ได้ท่องพุทโธหรือกำหนดลมหายใจ แต่เขาก็ยืนยันว่าสมาธิจำเป็นอย่างมากสำหรับการวิ่ง โดยเฉพาะการวิ่งในเมือง
เขาบอกว่า การวิ่งบนถนน เราต้องเจอกับอะไรที่ไม่คาดคิดตลอดเวลา ดังนั้นการมีสมาธิ สติอยู่กับการวิ่งเป็นสิ่งจำเป็นมาก โดยเฉพาะต้องระวังรถ โดยถ้าวิ่งตอนเช้ามืดหรือช่วงหัวค่ำก็ต้องเตรียมไฟฉาย เสื้อสะท้อนแสง ไฟติดตัว เพื่อให้คนที่ขับขี่เห็นเราชัด นอกจากนี้ ยังต้องวางแผน เส้นทางล่วงหน้า เช่นถ้าเส้นทางที่จะไป ไม่มีร้านค้า ก็ต้องเตรียมขวดน้ำ เป้น้ำ หรือขนมไปด้วย
"ส่วนความปลอดภัย แนะนำให้หาเพื่อนไปด้วยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย และสุดท้ายเราต้องไม่สร้างความเดือดร้อนหรือ ทิ้งอะไรไว้ในเส้นทาง เราแค่ขอวิ่งผ่าน เก็บไว้เพียงความทรงจำ" เขาให้คำแนะนำ สำหรับใครที่สนใจอยากออกวิ่งในเมือง
และสำหรับใครที่สนใจอยากออก "วิ่งสมาธิ" กับเขาบ้าง ข่าวดีคือ วันที่ 29 พฤษภาคม 2561 ที่จะถึงนี้ สสส. ได้ร่วมกับ สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และภาคีเครือข่ายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จัดงาน "เดิน-วิ่ง สมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ครั้งที่ 17" เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนนำการปฏิบัติ "สมาธิ" มาประยุกต์ใช้กับการวิ่งในการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
กำหนดปล่อยตัวจากสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ วิ่งผ่าน 3 สวนสาธารณะ ได้แก่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนจตุจักร โดยมีค่าสมัคร 200 บาท พร้อมเสื้อที่ระลึก มีระยะทางการวิ่ง 5 กม. และ 10 กม. (ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีเหรียญรางวัล ผู้เข้าเส้นชัย จะได้รับ ของที่ระลึกเป็นกระเป๋าคาดเอว)
ผู้สนใจสามารถสมัครวิ่ง และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : runninginthemoment