วิจัยเพิ่มความเผ็ดให้พริก เพื่อประสิทธิภาพในการผลิตยา
การสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ นอกจากต้องอาศัยสรรพความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและโอกาสในการนำไปใช้ของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนวิจัยลงไป
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติหรือ สวทช. จัดแสดงผลงานวิจัยที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนภายใต้คอนเซ็ปต์งาน “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ” โดยมี ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงาน มีผลงานวิทยาศาสตร์ใกล้ชิดวิถีชุมชนมากมายจัดแสดง
นอกจาก พริกจะเป็นส่วนประกอบในเมนูตำรับไทยหลายชนิด อย่างส้มตำหรือต้มยำกุ้ง แล้วสารเผ็ดที่ก่อให้เกิดรสเผ็ดร้อน หรือ แคปไซซินอยด์ ที่อยู่ในไส้พริกยังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมยาอีกด้วย
ดังนั้น รศ.ดร.สุชีลา เตชะวงศ์เสถียรนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงดำเนินโครงการพัฒนาพันธุ์พริกให้มีสารเผ็ดสูง โดยรวบรวมพันธุ์พริกจากกว่า 831 พันธุ์ทั่วโลก ความเผ็ดตั้งแต่ 50-1,000,000 shu เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพนำไป เลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพนำไปผสมพันธุ์ใหม่ให้ได้ผลผลิตที่คุณภาพดีขึ้น ต้านทานศัตรูพืชดีขึ้น และให้ผลผลิตจำนวนเยอะกว่าทั่วไป จนปรับปรุงพันธุ์พริกได้ 3 ชนิด คือพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนูเม็ดเล็ก และพริกขี้หนูเม็ดใหญ่
“ความเผ็ดของพริกสายพันธุ์ไทยปกติอยู่ที่ 50-50,000 shu เท่านั้น ซึ่งในอุตสาหกรรมยาที่ต้องการใช้ความเผ็ดของพริกมาทำยาแก้ปวดเมื่อย แคปซูลฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร หรือโลชั่น ทำให้ต้องใช้วัตถุดิบเยอะเกินความจำเป็น การปรับปรุงพันธุ์นี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิต และทำให้สินค้ามีคุณภาพมากขึ้น “ศศิวิมล บุญอนันต์ นักวิเคราะห์จากสวทช. กล่าวและว่า ในวงการอาหาร การใช้พริกที่มีความเผ็ดมากขึ้นก็สามารถลดต้นทุน และทำให้ไม่ต้องกักตุนสินค้าคงคลังเยอะๆ อีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด โดย ศศิวิมล บุญอนันต์