วัยรุ่นเห่อ ‘จัดฟันแฟชั่น’ แพทย์เตือนติดเชื้อช่องปาก
“กรุณาเข้าแถวและรับบัตรคิว” เสียงตะโกนดังในซอยตลาดนัดขายเสื้อผ้าแฟชั่นย่านปิ่นเกล้า ลอดผ่านกลุ่มเด็กนักเรียนทั้งชายหญิง อายุตั้งแต่ 14-18ปี กว่า 15คนที่ยืนออเต็มหน้าร้าน เพื่อรอรับบัตรคิวจัดฟันแฟชั่น
“เดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็อยากจัดฟันกันทั้งนั้น หนูว่าคนจัดฟันมันดูน่ารักดีจัดฟันแฟชั่นราคาไม่แพงติดเหล็กทั้งบนล่างก็แค่ 500บาท พอเบื่อก็เอาออก ไม่ต่างกับซื้อเสื้อผ้าใส่เบื่อก็ทิ้งไป” ลูกตาล(นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 17ปีเศษ นักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน บอกด้วยสีหน้าท่าทางสบายๆๆ แบบมั่นอกมั่นใจ
เธอบอกพร้อมยิ้มโชว์เหล็กดัดสีแดงว่า เพื่อนๆ ในห้องเรียน เกือบครึ่งที่ใส่เหล็กจัดฟัน ซึ่งมีทั้งจัดฟันจากคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐานและจัดฟันจากร้านจัดฟันแฟชั่น เพราะการจัดฟันเป็นค่านิยมที่ทำให้รู้สึกว่าดูเท่ ดูดี เป็นคุณหนูไฮโซ จึงนิยมใส่เหล็กดัดกัน
“หนูใส่มาเกือบ 2เดือนแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าจะแปรงฟันยากหรือว่าอันตรายนะ เพราะตอนที่ทำเขาก็ทำให้ดี ในร้านเขาก็ดูสะอาดดี หนูก็เห็นว่าเขาล้างเครื่องมือทุกครั้ง และเหล็กดัดไม่ใช้ลวดจัดฟัน แต่ใช้เอ็นเป็นสีต่างๆ แทน เวลาอยากเอาออกก็ให้ร้านเขาเอาออกให้ได้ ก็ไม่เห็นว่ามันจะน่ากลัวหรืออันตรายอะไร” ลูกตาลยิ้มโชว์อีกครั้ง
ขณะที่มนัส(สงวนนามสกุล) อายุ 25ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไม่ได้มายืนต่อแถวรอ แต่เขาใส่เหล็กดัดฟันเพราะมีฟันบนยื่นเก ดูเหยิน และฟันล่างซ้อนทับกัน หลังจากที่ติดเครื่องมือจัดฟันนานกว่า 4ปี เมื่อแพทย์ผู้จัดถอดเครื่องมือจัดฟันออกความรู้สึกว่าฟันมีการเรียงตัวที่ดีขึ้นไม่ซ้อนกัน แต่ยังไม่เข้าที่เท่าที่ควร
“พอเอาเหล็กออกก็รู้สึกว่าฟันมันไม่เข้าเลย ฟันยังเหยินเหมือนเดิม ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ จึงได้พยายามไปหาคลินิกอื่นๆ เพื่อให้เขาจัดซ้ำให้ใหม่ แต่หมอส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธและไม่มีใครอยากจะจัดซ้ำให้ ถ้าจัดฟันซ้ำจะทำให้รากฟันไม่แข็งแรง และมีปัญหาในอนาคตได้ บางคลินิกก็รับจัดนะแต่ราคาสูงมาก ตั้งแต่ 5-7หมื่นบาท” มนัส บอกว่า เขาไม่คิดจะจัดฟันแฟชั่นแต่ต้องการจัดฟันเพื่อสร้างความมั่นใจ
ความเข้าใจผิดกรณีการจัดฟัน แม้แพทย์จะมีความพยายามให้ความรู้ แต่ดูจะไม่อาจทานกระแสความนิยมของวัยรุ่น แม้ว่าการจัดฟันแฟชั่นจะเสี่ยงต่ออนามัยในช่องปากก็ตาม
ทพ.โกเมศ วิชชาวุธ เลขาธิการทันตแพทยสภา บอกว่า การจัดฟันที่ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการรักษา หรือที่เรียกว่าการจัดฟันแฟชั่นน่าเป็นห่วงเพราะการจัดฟันแฟชั่นเป็นการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานผู้จัดไม่ได้ เป็นทันตแพทย์ ดังนั้นจึงไม่มีความรู้ที่เพียงพอในการใส่เครื่องมือจัดฟัน ทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการทำที่สกปรก ไม่มีการฆ่าเชื้อโรค การใส่เครื่องมือที่ลวดอาจดันให้ฟันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม หรือพลาสติกกดเหงือกทำให้เหงือกอักเสบเป็นแผล รวมทั้งใช้เครื่องมือที่ไม่ได้คุณภาพ ใส่แล้วอาจจะทำให้เป็นสนิมเกิดขึ้นในปากได้ เป็นอันตรายต่อผู้ใส่และผู้ที่ทำก็มีความผิดทางกฎหมายในการทำฟันโดยไม่ใช่ทันตแพทย์
“การจัดฟันแฟชั่น อุปกรณ์ส่วนใหญ่ไม่มีการฆ่าเชื้อ ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อจากผู้ที่มาใช้บริการคนก่อน อาจมีการติดโรคต่างๆ ได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ เป็นต้น ซึ่งบางร้านอาจรู้ทันว่าคนที่มารับการบริการจะกังวลเกี่ยวกับโรคที่ติดต่อทางน้ำลาย ก็มักจะมีการโฆษณาว่ามีการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดีซึ่งทางเราไม่มีทางรู้เลยว่าแท้จริงแล้วเครื่องมือต่างๆ มีความสะอาดหรือไม่” เลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าว
นอกจากวิธีการจัดที่ไม่ได้มาตรฐานแล้ววัสดุที่ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้บริการอีกด้วย เช่นลวดจัดฟันแฟชั่นมีสารปนเปื้อนของโลหะหนักต่างๆ อาทิ สารตะกั่ว พลวงซีลีเนียม โครเมียม และสารหนู เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง จะทำอันตรายต่อเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวการที่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เกิดโรคในช่องปากและโรคอื่นๆ จากสารเคมีหรืออุปกรณ์จัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อ 2552พบเด็กที่เสียชีวิตซึ่งในปากมีเหล็กจัดฟันแฟชั่นถึง 2ราย
“การจัดฟันแฟชั่น ไม่ได้ทำให้วัยรุ่นเท่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอันตรายต่อฟันและอวัยวะอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงติดตามมาอีกมาก การจัดฟันแฟชั่นไม่เหมือนแฟชั่นทำผมเปลี่ยนสีผม เพราะอุปกรณ์จัดฟันอยู่บนตัวฟันที่ต้องใช้งานในการบดเคี้ยวอาหาร และอวัยวะในช่องปากเป็นอวัยวะที่บอบบาง มีโอกาสที่เชื้อโรคและสารพิษเข้าสู่ร่างกายได้สูง” เลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าว
ขณะที่ ศ.คลินิก ทตญ.สมพร เรืองผกา อาจารย์ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การจัดฟันต้องมีการสื่อสารและสร้างความเข้าใจให้ผู้ป่วย เพราะเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เข้ามารักษามักมีความหวังสูง ว่าหลังจากจัดฟันไปแล้ว ฟันจะสวยงุ้มสบกันได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วมีปัจจัยหลายๆ อย่างในการจัดฟันที่ทันตแพทย์ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของผู้ป่วยได้ เช่น โครงสร้างที่ผิดปกติของโครงกระดูกและฟันของคนไข้เอง การดูแลเอาใจใส่มาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หรือทันตแพทย์นั้นขาดความรู้และความชำนาญจริง
“เมื่อคิดที่จะจัดฟัน ก็ต้องจัดกับทันตแพทย์ที่มีความเชื่อถือได้ ซึ่งคนไข้มีสิทธิที่จะสอบถามกับแพทย์ว่าจบหลักสูตรเฉพาะทางสาขาทันตกรรมจัดฟันมาไหม และจบจากที่ไหนมา หรือขอดูใบรับรองวุฒิบัตรสำเร็จสาขาทันตกรรมจัดฟันจากแพทย์ผู้ให้บริการ หรือสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อของแพทย์ผู้ให้บริการจัดฟันได้ที่ เว็บไซต์สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทยได้” ศ.คลินิก ทตญ.สมพร กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ