วัณโรคใหม่ดื้อยา ไม่หาย 3 ปีตาย!!

เผยติดง่าย รถแอร์-ห้างเสี่ยงเชื้อ

 

 วัณโรคใหม่ดื้อยา ไม่หาย 3 ปีตาย!!

          แพทย์เตือนระวังวัณโรคดื้อยาชนิดรุนแรง ติดต่อง่าย ค่ารักษาแพง ยื้อชีวิตได้แค่ 3 ปี เผยคนไทยป่วยแล้ว 80 ราย รถปรับอากาศ-เครื่องบิน ห้างแหล่งแพร่เชื้อ

 

          จากปัญหาการแพร่เชื้อวัณโรคดื้อยา ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ล่าสุดแพทย์พบเชื้อดื้อยาชนิดรุนแรง ที่ระบาดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1 เท่าตัว และไทยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูงสุดเป็นอันดับที่ 22 ของโลก

 

          นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการกองทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยว่า ปีนี้มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในไทยประมาณ 9 หมื่นราย ในจำนวนนี้มี 4 หมื่นรายอยู่ในระยะแพร่เชื้อ หมายถึงเสมหะหรือน้ำลายมีเชื้อวัณโรคอยู่มาก ทำให้แพร่กระจายไปยังผู้อยู่ใกล้ชิดได้ แต่ที่น่าวิตกกังวลมากที่สุดคือการตรวจพบผู้ป่วยวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาชนิดรุนแรง หรือ “เอ็กซ์ ดี อาร์ ทีบี” เพิ่มมากขึ้น โดยปี 2550 พบผู้ป่วย 13 รายจากการสุ่มตรวจเชื้อของผู้ป่วยทั่วประเทศ 1 หมื่นคน แต่ในปี 2551 พบตัวเลขเพิ่มเป็น 33 ราย จากการสุ่มตรวจ 1.2 หมื่นราย

 

          นพ.มนูญ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เชื้อวัณโรคดื้อยาที่ต้องเฝ้าระวังแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ 1. วัณโรคดื้อยาหลายขนาด “เอ็มดีอาร์ บีที” (mdr tb : multi drugs resistant) ซึ่งองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า ในประเทศไทยพบปีละ 2,800 ราย หรือประมาณร้อยละ 3 จากผู้ป่วย 9 หมื่นราย 2. วัณโรคดื้อยาชนิดรุนแรงที่สุด “เอ็กซ์ดีอาร์ ทีบี” (xdr tb : extreme drug resistant) ซึ่งเป็นเชื้อที่ยารักษาวัณโรคในปัจจุบันรักษาแทบจะไม่ได้ คาดการณ์ว่าในประเทศไทยพบผู้ป่วยเชื้อนี้ปีละ 80 ราย

 

          “จากการสุ่มตรวจจากกลุ่มเล็กๆ พบเพิ่ม 20 คนใน 2 ปี ถือว่าเยอะมาก ตอนนี้ตัวเลขคาดการณ์มาจากเชื้อที่ส่งมาตรวจ 2 หมื่นราย พบ 33 รายรวมกับข้อมูลล่าสุดจากโรงพยาบาลโรคปอด ที่พบเชื้อเอ็กซ์ดีอาร์ ทีบี ประมาณ 90 คน ถ้าตรวจหาเชื้อดื้อยาชนิดรุนแรงในผู้ป่วยวัณโรคทั้งหมด 9 หมื่นราย ก็น่าจะพบไม่ต่ำกว่าปีละกว่า 80 ราย หากสะสมเป็น 3 ปี ก็เพิ่มเป็นกว่า 250 ราย ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก” นพ.มนูญ กล่าว

 

          ประนกรรมการกองทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ชี้ถึงความรุนแรงของเชื้อที่พบใหม่ว่าในต่างประเทศแค่พบเพียง 1 คนก็จะถูกนำไปกักกันอยู่ในโรงพยาบาล คอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ออกไปข้างนอก เพราะเป็นเชื้อวัณโรคที่ดื้อยาพื้นฐานและยาสำรองเกือบทั้งหมด เหลือยาประมาณ 4 ตัว จากทั้งหมด 10 กว่าตัวเท่านั้นที่รักษาได้ และค่ายารักษาจะแพงมากหากเป็นวัณโรคทั่วไปเสียค่ารักษาประมาณ 2,000 บาท แต่ถ้าเป็นวัณโรคดื้อยาหลายขนานต้องเสียเพิ่มเป็น 2 แสนบาท ส่วนผู้ที่มีเชื้อวัณโรคเอ็กซ์ดีอาร์ ทีบี ซึ่งดื้อยาชนิดรุนแรงที่สุดต้องเสียค่ารักษาไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท แล้วก็รักษาได้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 3 ปี ที่สำคัญคนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าเชื้อวัณโรคร้ายแรง แพร่ระบาดในหมู่คนงานหรือพวกต่างด้าว เขมร พม่า แต่ที่จริงแล้วผู้ที่มีเชื้อวัณโรคร้ายแรงส่วนใหญ่เป็นคนในเมืองหลวง หรือคนทั่วไปที่เดินตามท้องถนน

 

          เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อวัณโรคดื้อยาแพร่ระบาดไปมากกว่านี้ นพ.มนูญ แนะนำให้ผู้ป่วยวัณโรคทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปติดคนที่อยู่ใกล้ชิด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางออกไปข้างนอกบ้าน เช่น ขึ้นรถปรับอากาศหรือเครื่องบิน รวมถึงการไปเดินห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้หน่วยงานสาธารณสุขต้องสนับสนุนให้แพทย์ทั่วประเทศตรวจหาเชื้อวัณโรคในผู้ป่วยทุกคนว่าเป็นเชื้อดื้อยาหรือไม่ เพื่อช่วยให้แพทย์มีข้อมูลเพียงพอที่จะรักษาผู้ป่วยวัณโรคอย่างถูกวิธี โดยชุดทดสอบมีค่าใช้จ่ายเพียงรายละ 250 บาทเท่านั้น

 

          องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลล่าสุดว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานในกว่า 50 ประเทศ มีประมาณ 5 แสนราย ราวร้อยละ 50 อยู่ที่จีนและอินเดีย ขณะที่ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เฉพาะปี 2550 ประเทศไทยพบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยารายใหม่มาลงทะเบียน 600 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.65 สูงกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนที่พบเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น มีการคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาในประเทศไทยแล้วประมาณ 3,000 รายโดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มีสิทธิรักษาฟรี ตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า งบประมาณในการรักษาสูงถึงรายละ 1 – 2 แสนบาทต่อคน

 

          ข้อมูลจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครระบุว่า เฉพาะกรุงเทพฯ มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ 1.5 หมื่นรายต่อปี โดยร้อยละ 60-70 เป็นคนรุ่นหนุ่มสาวอายุไม่เกิน 45 ปี เนื่องจากเป็นวัยทำงานที่ต้องเดินทางและอยู่ในสถานที่แออัด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคสูง

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

 

 

update 20-04-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code