ลดเร็ว ลดเสี่ยง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ภาคีป้องกันอุบัติเหตุทางถนนชวน ทุกหน่วยงานร่วมรณรงค์สัปดาห์แห่งความปลอดภัยทางถนน 2017
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือแห่งองค์การอนามัยโลก และโรงพยาบาลขอนแก่น ร่วมด้วยแผนงานสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน (สอจร.) ศูนย์วิชาการเพื่อ ความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิไทยโรดส์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เชิญชวนหน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน โซเชียล มีเดีย หรือ นิว มีเดีย ร่วมกัน แสดงสัญลักษณ์สัปดาห์แห่งความปลอดภัยทางถนน ปี 2017 ครั้งที่ 4 เน้นการจัดการความเร็วที่องค์การสหประชาชาติขอให้ประเทศสมาชิกทำร่วมกันทั่วโลก ระหว่าง วันที่ 8-14 พฤษภาคม 2560 เพื่อลดจำนวน ผู้เสียชีวิตกว่าคน 6 แสนคน จาก 1.5 ล้านคน ที่เสียชีวิตเพราะการขับรถเร็ว ภายใต้สโลแกน "SAVE LIVES #SLOW DOWN" หรือ "ลดเร็ว#ลดเสี่ยง"
การขับรถเร็วเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักทำให้ผู้ประสบเหตุถึงแก่ชีวิตได้ การใช้ความเร็วเพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนในเขตเมืองหรือชุมชนที่มีผู้เดินเท้า ขี่จักรยาน หรือ จักรยานยนต์หนาแน่นช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากการชนได้ถึงร้อยละ 95 ด้วยและชื่นชมกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ข้อมูลผลการรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนโลก ปี 2015 ที่ได้ศึกษาไว้ว่า ไทยมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากลิเบีย เสียชีวิตจากมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับ 1 ของโลก บวกกับข้อมูลว่า รถปิกอัพเป็นยานพาหนะประเภทที่สองที่เกิดอุบัติเหตุ และเสียชีวิตมากรองจากมอเตอร์ไซค์ เกิดเป็นมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ ชี้ให้เห็นว่า ถนนในเมืองไทยอันตรายที่สุดในโลก เพราะมีความเสี่ยง ทั้งจากคนขับรถเร็ว คนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ พฤติกรรมละเมิดกฎจราจรจำนวนมาก
ด้าน รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐพงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ได้อธิบายถึงความเหมาะสมของการใช้ความเร็วต้องดูตามบริบท เช่น ถนนในชุมชนที่มีผู้สัญจร หรือใช้ถนนมาก อย่างตลาด โรงเรียน ความเร็วที่จะเป็นอันตรายน้อยที่สุดที่จะทำให้ 9 ใน 10 คน ไม่เป็นอันตรายหากถูกชน อยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าเป็นบนมอเตอร์เวย์ ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วได้ไม่เกินตามกฎหมาย ความปลอดภัยบนถนนยังเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม เช่น สิ่งกีดขวางข้างทาง
นายแพทย์ ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เน้นถึงการปรับทัศนคติของประชาชนที่ว่า คนถึงที่ตายก็ต้องตาย ว่าในทางปฏิบัติแล้ว เราป้องกันได้มากกว่าที่จะเชื่อเช่นนั้น โดยยกตัวอย่าง การเกิดเหตุผู้ขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร เสียหลักบนถนนจนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
หากทั้งหมดคาดเข็มขัดนิรภัย จะเกิดความสูญเสียที่เบาลงกว่านี้มาก