"ลดเมา เพิ่มสุข" ๔ สร้าง ๑ พัฒนาพาชุมชนลดเหล้า ลดอุบัติเหตุ

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข



แฟ้มภาพ


สสส. ชูแคมเปญ “ลดเมา เพิ่มสุข ๔ สร้าง ๑ พัฒนาพาชุมชนลดเหล้า ลดอุบัติเหตุ” วางยุทธศาสตร์รณรงค์ลด ละ เลิกเหล้าตลอดปี เข้ม ๓ เทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคนเลิกเหล้า คิดค้นนวัตกรรมช่วยคนอยากเลิก เกิดหมู่บ้านต้นแบบ ๕๗๖ หมู่บ้านทั้วประเทศ


เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อออกแบบการรณรงค์และขับเคลื่อนกิจกรรม “ลดเมา เพิ่มสุข: ๔ สร้าง ๑ พัฒนาพาชุมชนลดเหล้า ลดอุบัติเหตุ” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก ๓) และศูนย์สนับสนุนวิชาการเพื่อการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ศวฉ.แอลกอฮอล์) ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ดำเนินการขับเคลื่อนการสร้างมาตรการเพื่อควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยชุมชน โดยนายสมพร  ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ประกาศเจตนารณรมย์ “เป้าหมายการ ลดเมา เพิ่มสุข ปี ๒๕๖๑” และมอบใบประกาศเชิดชูต้นแบบการเลิกเหล้า จำนวน  ๙๗ แห่ง


นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก ๓) สสส. กล่าวว่า สถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ จากระบบข้อมูลตำบล(Thailand Community Network Appraisal Program-TCNAP) ของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ใน ณ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีสมาชิกเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ จำนวน ๒,๐๙๔ อปท. ๒,๗๗๖,๖๒๒ ครัวเรือน มีประชากรทั้งสิ้นจำนวน ๘,๗๘๔,๕๖๓ คน มีผู้มีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำ ๖๖๒,๕๙๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๗.๕๔ ซึ่งเป็นเพศชายจำนวน ๕๔๔,๔๐๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๑๖ เพศหญิง ๑๑๘,๑๙๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๘๔ พื้นที่พบว่ามีการดื่ม อันดับ ๑ คือ สมาชิกเครือข่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีผู้มีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำมากที่สุด ๒๓๗,๐๑๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๗๗ อันดับ ๒ คือ ภาคเหนือ ๒๓๓,๘๙๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๗๙ และอันดับ ๓ คือภาคกลาง จำนวน ๑๑๕,๓๐๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๔๐ โดยจังหวัดที่มีผู้มีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำมากที่สุด คือ จังหวัดเชียงราย ๔๖,๓๑๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๖.๙๙ รองลงมาคือ จังหวัดเชียงใหม่ ๔๒,๔๐๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๖.๔๐ และจังหวัดลำปาง ๒๘,๙๘๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๘ ตามลำดับ  พบว่าส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง ๒๕-๕๙ ปี จำนวน ๕๒๒,๑๑๙ คน (ร้อยละ ๗๘.๘๐) รองลงมาคือ ช่วงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป จำนวน ๑๒๑,๑๘๘ คน (ร้อยละ ๑๘.๒๙) และช่วงอายุที่ดื่มสุราน้อยที่สุด คือ ๕- ๑๔ ปี จำนวน ๗,๓๖๙ คน (ร้อยละ ๑.๑๑)



พบปัญหาสุขภาพจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังของผู้ดื่ม ๕ อันดับแรก ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง รองลงมา คือ ปวดข้อ/ข้อเสื่อม โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ และ โรคเก๊าท์ พบปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของจำนวนผู้ดื่มสุราร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยงอื่น พบว่า อันดับ ๑ มีการดื่มสุราร่วมกับสูบบุหรี่เป็นประจำ(มีการสูบบุหรี่ในทุกวัน) จำนวน ๒๗๙,๕๓๘ คน (ร้อยละ ๓.๑๘) อันดับ ๒ คือ การกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ จำนวน ๑๔๔,๐๑๗ คน (ร้อยละ ๑.๖๓) อับดับ ๓ พฤติกรรมเสี่ยงจากการไม่ได้ตรวจสุขภาพหรือการคัดกรองโรคเป็นประจำทุกปี จำนวน ๖๐,๑๖๒ คน (ร้อยละ ๐.๖๘)  โดยช่วงอายุที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจราจรพบมากในช่วงอายุ ๒๕-๕๙ ปี คือ อันดับ ๑ คือ การขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ลำดับที่ ๒ คือ การขับรถเร็วและประมาท  และ ลำดับที่ ๓ คือ การขับขี่รถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจำนวน ดังนั้น การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จะเป็นการจัดการความรู้การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และลดอุบัติเหตุโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง เพื่อพัฒนากลไกในการรณรงค์และขับเคลื่อน “ลดเมา เพิ่มสุข ปี ๒๕๖๑” และทบทวนทุนและศักยภาพพร้อมทั้งออกแบบกิจกรรม “ลดเมา เพิ่มสุข” ในพื้นที่


นางสาวดวงพร กล่าวต่อว่า การออกแบบกิจกรรมรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ลดเมา เพิ่มสุข”  ประกอบด้วยกิจกรรม ๔ สร้าง ๑ พัฒนา คือ ๑)สร้างคนต้นแบบ ทั้ง ๓ ระดับ คือ ผู้นำชุมชน เยาวชน และครอบครัว ๒) สร้างเส้นทางปลอดภัย ๓) สร้างนวัตกรรมช่วยเลิกโดยชุมชน ๔)การกำหนดมาตรการทางสังคม และการบังคับใช้กฎหมาย และ ๕) การพัฒนาความร่วมมือ ๔ องค์กรหลัก สร้างชุมชนลดเมา เพิ่มสุขด้วยกลไกการจัดการในพื้นที่ให้สามารถทำหน้าที่ควบคุมการดื่มและการเกิดอุบัติเหตุอันมาจากการดื่มในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยกำหนดการรณรงค์ออกเป็นสองระยะ ได้แก่ (๑)การดำเนินงานในระยะปกติ ด้วยการดำเนินกิจกรรมให้เกิด การลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (๒)การใช้โอกาสช่วงเทศกาลสำคัญของประเทศ เช่น เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ และเข้าพรรษา


นายสมพร กล่าวว่า เป้าหมายการ ลดเมา เพิ่มสุข ในปี ๒๕๖๑ ของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ คือ สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุจราจรจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยชุมชนท้องถิ่น และสร้างกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เป็นสงกรานต์ปลอดเหล้า และปลอดภัย โดยขับเคลื่อนจัดกิจกรรมใหญ่เพื่อปลุกกระแสในพื้นที่ในช่วงเทศกาลสำคัญ ได้แก่ วันเข้าพรรษาและวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ช่วงเทศกาลปีใหม่ (๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึง ๒ มกราคม ๒๕๖๒) และช่วงเทศกาลงกรานต์ (๑๒-๑๖ เมษายน ๒๕๖๒)รวามถึงช่วงเวลาปกติระหว่างวันที่ ๒๘  มิถุนายน ๒๕๖๑ ถึง ๒๐ เมษายน ๒๕๖๒ (จำนวน ๑๐ เดือน) ซึ่งคาดว่า ผลที่ได้รับจะช่วยให้เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ เพิ่มจำนวนคนเลิกเหล้าในชุมชน ๓,๔๐๙ คน ช่วยลดอุบัติเหตุบนถนนของชุมชนท้องถิ่นที่เข้าร่วม  ชุมชนท้องถิ่นมีนวัตกรรมที่เป็นวิธีการช่วยผู้ที่ต้องการเลิกเหล้าได้อย่างน้อย ๑ แห่ง/อปท. และเกิดหมู่บ้านต้นแบบที่มีการกำหนดมาตรการทางสังคมอย่างน้อย ๕๗๖ หมู่บ้าน

Shares:
QR Code :
QR Code