ร่วมใจงดเหล้าเข้าพรรษา นำผลกำไรคืนสู่สังคม
“งดเหล้าเข้าพรรษา” โครงการที่สนับสนุนให้คนไทยงดและลดเหล้ามากว่า 10 ปี ผ่านการรณรงค์โดยใช้การโฆษณาทางโทรทัศน์ ป้ายรณรงค์ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อหวังให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น ผลการสำรวจพบว่า มีประชาชนงด และลดเหล้าได้ถึง 80% นับจากปี พ.ศ. 2546 ที่เริ่มโครงการฯ
เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “งดเหล้าเข้าพรรษา : ผลการสำรวจปี 2557 กับนัยต่อเศรษฐกิจสังคม” เพื่อแถลงการณ์ผลการรณรงค์โครงการ “งดเหล้าเข้าพรรษา” ขึ้น ที่โรงแรมเอทัส ถ.พระราม4
นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษากรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงที่มาของสโลแกน “งดเหล้าเข้าพรรษา” ว่า ชาวบ้านในสมัยก่อนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำทุกวัน เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา จะมีการงดเหล้า ถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา เพื่อหยุดดื่มถวายพระในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ในปี พ.ศ. 2546 ที่เริ่มจัดตั้ง สสส. ได้มีประเด็นรณรงค์เรื่องเหล้าเป็นอันดับแรกๆ จึงเชิญองค์กรภาคี 10 องค์กรช่วยกันผลักดัน
“ปัจจุบันมีเครือข่ายเข้าร่วมโครงการประมาณ 500 องค์กร ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีเครือข่ายรณรงค์การงดเหล้ามากที่สุดในโลก โดยเมื่อครบ 10 ปีของการรณรงค์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” ในปี 2556 จึงยกระดับงานเป็น “งดเหล้าครบพรรษา” และผลักดันต่อให้เป็น “งดเหล้าตลอดชีวิต” เพื่อสร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี”
จากนั้น สุริยัน บุญแท้ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ได้นำเสนอผลการสำรวจ “ผลการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2557 จากการเก็บข้อมูลประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ใน 25 จังหวัด ระหว่างวันที่ 21 ต.ค. – 10 พ.ย. 57 จำนวน 7,081 ตัวอย่าง ตามวัตถุประสงค์ 5 ข้อ นั้น พบว่า 1) พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบ 27.6% ดื่มทุกสัปดาห์และเกือบทุกวัน ค่าเฉลี่ยในการดื่มเหล้า 1 ครั้งคือ 486 บาท และมักดื่มในงานแต่งงาน 2) การรับรู้ตราสัญลักษณ์ของเครืองดื่มแอลกอฮอล์ พบ 79.6% มีอัตราเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี พ.ศ.56 จำนวน 4.8% โดยพบในสื่อโทรทัศน์มากที่สุด 86.4% 3) การรับรู้และความคิดเห็นต่อสื่อการประชาสัมพันธ์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” พบว่า 92.0% เห็นด้วยกับการรณรงค์ 4) การลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษาปี 2557 พบ 39.4% งดตลอดเข้าพรรษา 23.2% งดไม่ครบพรรษา และ 20.8% ไม่งดแต่ลดปริมาณ 5) ด้านความคิดเห็นต่อการรณรงค์ส่งเสริมค่านิยม งานบุญ งานประเพณี ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจแอลกอฮอล์ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง พบ 83.1% พบเห็นการดื่มแอลกอฮอล์ในงานแต่งงาน และ 90.0% เห็นด้วยกับการงดเลี้ยงเหล้าในงานที่เกี่ยวข้องกับงานบุญประเพณี โดย 96% เห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการเตือน จำกัด และห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา นำเสนอผลการคำนวณงบประมาณจากการงดดื่มเหล้าของประชาชนในช่วงเข้าพรรษา พบว่า การงดเหล้าในช่วงเข้าพรรษานั้นสามารถช่วยประหยัดได้ทั้งต้นทุนทางสังคม ที่เกี่ยวเนื่องกับค่ารักษาพยาบาล ทรัพย์สินที่เสียหายจากอุบัติเหตุ การสูญเสียผลิตภาพจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และสามารถประหยัดเงินในการดื่มเหล้าได้อีกด้วย
“ผลสำรวจประชาชนทั้งหมด 25 จังหวัด พบว่านักดื่มสามารถประหยัดเงินค่าเหล้าในช่วงเข้าพรรษาโดยเฉลี่ยคนละ 1,455 บาท และจากการคำนวณ จำนวนเงินที่ประหยัดได้ทั้งประเทศ สูงถึง 24,557,543,835 บาท ซึ่งหากรวมการประหยัดต้นทุนทางสังคมในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือนด้วยแล้วนั้น จำนวนตัวเลขในการประหยัดจะสูงกว่านี้”
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต คนไทยตกเป็นทาสของน้ำเมา และจากการสำรวจ พบว่ามีคนเสียชีวิตทุก 20 นาทีจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อปี พ.ศ. 2546 ที่เริ่มทำโครงการนั้นพบว่า มีคนลดเหล้าได้ 16% และในปีพ.ศ. 2557 พบว่า มีคนงดและลดเหล้าได้ถึง 80% “ทางองค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคที่เกิดจากการดื่มสุรานั้นสามารถเกิดได้กว่า 200 โรค และไม่มีการรับรองว่า การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณเท่าไหร่ถึงจะไม่อันตราย สำหรับการรณรงค์ในงานเข้าพรรษาปีนี้ เราเน้นการรณรงค์งดเหล้าครบพรรษา และงดเหล้าตลอดชีวิต เพื่อให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี”
ขณะที่ เด่นชัย ภาษิต ตัวแทนผู้เลิกเหล้า เล่าว่า ติดเหล้าตั้งแต่สมัยเรียน นับเป็นเวลากว่า 30 ปี เคยจ่ายค่ากินเหล้าสูงสุดเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ช่วงที่ดื่มเหล้าเกิดปัญหาภายในครอบครัว ขาดสติแล้วทำร้ายร่างกายภรรยา
“ตอนนี้เลิกเหล้าอย่างเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 เลิกได้เพราะมีลูก 3 ขวบเป็นแรงบันดาลใจ ตอนนี้ครอบครัวไม่ทะเลาะกัน อยู่กันอย่างมีความสุข และยังเก็บเงินจากการไม่กินเหล้าได้เพิ่มอีก” เด่นชัย เล่าให้ฟังอย่างมีความสุข
เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th