ยูเอ็นชี้โรคเอดส์ในเอเชียวิกฤต
ระบุ อีก 12 ปี ติดเชื้อ 4 ล้านคน
รายงานยูเอ็นระบุโรคเอดส์ยังเป็นปัญหาใหญ่ในเอเชีย จะทำให้มีผู้เสียชีวิตแต่ละปีเกือบ 5 แสนราย สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ จี้ให้ประเทศในเอเชียเพิ่มงบประมาณเพื่อให้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายงานความยาว 238 หน้า ของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอดส์) ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ระบุว่า จะมีผู้คนเกือบ 500,000 ราย ในทวีปเอเชียเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ในแต่ละปีก่อนหน้าปี 2563 เพิ่มจากปัจจุบันนี้ที่มีผู้เสียชีวิต 440,000 ราย ในแต่ละปี
รายงานฉบับนี้ยังระบุว่าจำนวนผู้ที่ติดเชื้อเอดส์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 10 ล้านรายภายในปี 2563 โดยระบุว่า “ถึงแม้ว่าแนวโน้มผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่จะลดลงในหลายๆ ประเทศ โรคเอดส์ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้ที่อายุระหว่าง 15-44 ปี มากกว่าวัณโรค และโรคชนิดอื่นๆ
ดร.จักรวารติ รังคราชัน ประธานคณะกรรมการยูเอ็นเอดส์ในเอเชีย กล่าวว่า “ความสูญเสียของการไม่ทำอะไรเลยนั้นสูงมาก หากไม่มีความร่วมมือและการตอบสนองที่ตั้งอยู่บนหลักฐานที่ปรากฏแล้ว เอเชียอาจต้องประสบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2563”
นายบัน คี มุน เลขาธิการยูเอ็น ได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียปฏิบัติตามคำแนะนำของยูเอ็นเอดส์ซึ่งรวมถึงการเพิ่มงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในโครงการป้องกันโรคเอดส์
นายปีเตอร์ ปิโอต์ ผู้อำนวยการยูเอ็นเอดส์ กล่าวว่า ทุกวันนี้มีทรัพยากรที่ต้องการในการรับมือกับปัญหาโรคเอดส์ในเอเชียไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่ต้องการ โดยรายงานระบุว่าปีที่แล้วมีงบประมาณสำหรับโครงการป้องกันโรคเอดส์ในเอเชียเพียง 1,200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่งบประมาณที่ต้องการเพื่อให้การรับมือมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 6,400 ล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า ในแต่ละปีจะต้องมีการใช้งบประมาณอย่างน้อยที่สุด 0.30 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตประชาชาติต่อหัวประชากร (จีดีพี เพอร์ แคปิตา) เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ โดยงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี สำหรับโครงการป้องกันเฉพาะเจาะจงในประชากรกลุ่มเสี่ยงจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้ 60 เปอร์เซ็นต์ในเอเชีย
ขณะที่ระบุว่าพฤติกรรมเสี่ยง 3 อย่างที่เป็นตัวเร่งหลักในการแพร่เชื้อเอชไอวีในเอเชียได้แก่การขายบริการทางเพศโดยไม่มีการป้องกัน การใช้ยาเสพติดโดยวิธีฉีดและการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกัน
รายงานฉบับนี้แนะนำว่าโครงการป้องกันควรจะเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ถุงยางอนามัยในการซื้อบริการทางเพศและในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน นอกจากนี้ต้องเน้นไปที่การป้องกันภรรยาของผู้ที่ชอบซื้อบริการทางเพศและการให้การศึกษาเรื่องเพศในสถานศึกษา
รายงานของยูเอ็นเอดส์เมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมาระบุว่าทั่วทั้งเอเชียนั้นมีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 4.9 ล้านราย รวมทั้งผู้ติดเชื้อรายใหม่ 400,000 ราย เมื่อปีที่แล้วขณะที่มีผู้เสียชีวิตไป 300,000 ราย โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุด ซึ่งอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงที่สุด ทั้งนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกมากกว่า 33 ล้านคนในปัจจุบัน (เอเอฟพี)
ที่มา: มติชน
ภาพประกอบ: www.thaihealth.or.th
update 28-03-51