ยาแก้ผมร่วงเสี่ยงโรคหัวใจ

แพทย์เผยผู้ที่มีศีรษะล้านอาจมีความผิดปกติของระบบเส้นเลือดหัวใจมากกว่าคนปกติ แต่กรณีนี้ไม่มากนัก

นพ.รัฐพล ตวงทอง อนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และอาจารย์ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวในการเสวนา “เรื่องเด่นประเด็นร้อน ของหนุ่มผมบางและสาวผิวคล้ำ” จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 36ปีของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ บุคลิกภาพ ข้อมูลที่ผ่านมายังพบว่า ผู้ที่มีศีรษะล้านอาจมีความผิดปกติของระบบเส้นเลือดหัวใจมากกว่าคนปกติ แต่กรณีนี้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม สาเหตุของผมร่วง อันดับ 1 คือ พันธุกรรมและฮอร์โมน โดยที่โรงพยาบาลศิริราช มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากสาเหตุนี้สูงถึงร้อยละ 70นอกนั้นมาจากสาเหตุอื่นๆ อาทิ   โรคผมร่วงชนิดเป็นหย่อมโรคของต่อมธัยรอยด์ หรือการติดเชื้อบริเวณหนังศีรษะภาวะหลังคลอดบุตร รวมไปถึงภาวะเครียด

นพ.รัฐพล กล่าวว่า ปัญหาผมร่วงจากพันธุกรรมและฮอร์โมน พบได้บ่อยในเพศชายอายุประมาณ 50ปีโดยจะมีโอกาสเกิดขึ้นเกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนในผู้หญิงพบได้ประมาณ 1ใน 3  ซึ่งลักษณะการร่วงของเส้นผมจะแตกต่างกันไป โดยเพศชายผมร่วงมาก จนศีรษะเถิก และมีผมบางตรงกลางกระหม่อม ขณะที่เพศหญิงผมบางตรงกลางศีรษะมากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปัญหาผมร่วง ยังพบในวัยรุ่น วัยทำงาน อายุ 20ปีขึ้นไป เนื่องจากมีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาอาทิ ความเครียด การเกิดรังแค รวมไปถึงการใช้น้ำยาดัดผมย้อมผม โดยเฉพาะในเพศหญิง ซึ่งจะทำให้ผมเสีย แห้งแตกปลาย จนหลุดร่วง บางกรณีเกิดอาการแพ้น้ำยาย้อมสีผม ทำให้หนังศีรษะอักเสบ และผมร่วงได้เช่นกัน

“ปัจจุบันการรักษาอาการขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากมีอาการไม่มากจะให้ยาทาในกลุ่มไมนอกซิดิล (minoxidil) ซึ่งจะเห็นผลต้องใช้เวลาราว 1ปี แต่ที่น่ากังวลคือ อาจมีการนำกลุ่มยาดังกล่าวมาใช้เป็นยารับประทานซึ่งอันตราย เนื่องจากยาไมนอกซิดิลเดิมเป็นยาลดความดัน อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ เกิดการคั่งของเกลือแร่และน้ำมากเกินไป จนอาจส่งผลต่อหัวใจได้ จึงไม่ควรรับประทาน ขณะเดียวกันยังมียากลุ่มฟิแนสเทอไรด์ (finasteride) ยานี้ออกฤทธิ์โดยการลดระดับฮอร์โมนเพศชาย แต่พบว่ามีผลข้างเคียงต่อสมรรถภาพทางเพศ ทำให้นกเขาไม่ขันร้อยละ 1.8 แต่ไม่ต้องกังวล เพราะหากหยุดรับประทานก็จะกลับสู่ปกติได้ ทางที่ดีที่สุดการจะรับประทานยา หรือใช้ยาชนิดใดควรได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน” นพ.รัฐพลกล่าว และว่า หากมีปัญหาผมร่วง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีที่สุด

รศ.พญ.เพ็ญพรรณ วัฒนไกร หน่วยโรคผิวหนังภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันวัยรุ่นนิยมเปลี่ยนสีผมตามแฟชั่นซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้จนทำให้ผมหลุดร่วง บางรายลุกลามไปถึงดวงตา เกิดภาวะบวมที่เบ้าตา ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเปลี่ยนสีผม

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ