ยาเซ็กส์ขายเกลื่อนในเว็ปไซต์
ภัยร้าย-อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
ท่ามกลางความเอาใจใส่ดูแลอันตรายที่เป็นภัยร้ายจาก อินเตอร์เน็ต ซึ่งแทรกอยู่ตามเว็ปไซต์ต่างๆมากมาย ของ กระทรวงเทคโนโลยีฯ บ้าง กระทรวงวัฒนธรรม บ้าง กระทรวงศึกษาฯ บ้าง รวมไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่องค์กรดังกล่าวเพ่งมองกันเป็นพิเศษ มักจะมองถึงความเสียหายที่เกิดจาก ตัวบุคคล วัฒนธรรม ประเพณี ของชาวไทย
ทำให้อันตรายในรูปแบบอื่นๆ ถูกมองข้ามไป เพราะคิดไม่ถึง
เมื่อวันที่ 13 – 15 ต.ค. ที่ผ่านมา แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มีการจัดสัมมนาวิชาการและปฏิบัติการ เรื่อง “วิถีเพศ วิถีสุขภาวะ” นี้ ที่ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ได้มีงานวิจัย ที่น่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ วีธีคิดเรื่องเพศวิถีของรัฐไทย มั่ว ส่ำสอน ใจแตก รวมถึงได้มีนิทรรศการให้ความรู้เพื่อสุขภาวะทางเพศที่ดี ที่น่าสนใจม่น้อยทีเดียว
ใครที่ไม่ได้เข้าชมงานนี้ และ พลาดข้อมูล ความรู้ ที่ถูกนำมา นำเสนอในงาน ถือว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากทีเดียว เพราะ นอกเหนือจากความรู้ทางเพศศึกษา ต่างๆ แล้ว ยังทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับ เรื่องของ เพศ ที่เป็นภัยใน อินเตอร์เน็ต ที่หลายคนต้องรู้ เป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเฉพาะกับ บุคคลทั่วไปเท่านั้น แม้แต่ภาครัฐ องค์กรของรัฐก็ควรตระหนักถึงภัยเกี่ยวกับทางเพศทางเว็ปไซต์ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ด้วย
ภัยดังกล่าว เกิดจาก ได้มีการเผยแพร่ เรียกร้อง เชื้อเชิญ กระตุ้น ให้คนหลงใหล และเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ยาซึ่งมีความเกี่ยวข้องในเรื่องของเพศ โดยยาเหล่านี้ มีชื่อเรียกกัน ในภาษาพูดว่า “ยาเซ็กส์”
ยาเซ็กส์ ที่มีขายเกลื่อนเว็ปต์ มีสรรพคุณในหลายรูปแบบ อาทิ ยาสลบ ทั้งกิน-ป้าย-พ่น-ฉีด อัด,ยาผู้ชายต้องใหญ่-ยาว-ทน ,ยาสำหรับ สาวประเภทสอง เพื่ออัดฮอร์โมนหวัง ให้ อกโต-ผิวสวย
โดยที่ยาเหล่านี้ เมื่อ คนเป็นเหยื่อนำเอาไปใช้ ผลที่เกิดตามหลังมา คือ อันตราย สุดขีด
นายภานุพัฒน์ พุ่มพฤกษ์ เปิดเผยผลวิจัย เรื่อง”ยาออนไลน์: ประดิษฐกรรมเรื่องเพศ” ว่า ขณะนี้การโฆษณาประชาสัมพันธ์เรื่องยา ที่นำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศมีจำนวนมาก โดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต ที่มีมากมายหลายเว็ปไซต์ โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาควบคุม ความถูกต้อง ความปลอดภัยยาดังกล่าว ซึ่งข้อมูลเนื้อหาที่นำเสนอ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์
ยาเซ็กส์ ที่จำหน่ายผ่านเว็บไซด์ จะมีทั้งแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร เครื่องดื่ม ทั้งกิน ทา ป้าย พ่น สูดดม หรือฉีด ซึ่งหากจะแยกออกเป็นกลุ่มๆ จะปรากฎดังนี้
กลุ่มยาที่พบมากในอินเตอร์เน็ต คือ 1.ยากระตุ้นอารมณ์ ความต้องการทางเพศ รวมถึงยาสลบ ยานอนหลับ 2.ยาที่ทำให้อวัยะเพศแข็งตัว ใหญ่ยาว ยาชะลอการหลั่ง หรือทำให้มีความสัมพันธ์ทางเพศได้ยาวนานขึ้น 3.ยาขับเลือดหรือทำแท้ง 4.ยาฮอร์โมนเพื่อทำให้ผู้มีร่างกายเป็นชายมีสรีระเหมือนผู้หญิง มีหน้าอก ผิวขาว ซึ่งยาเหล่านี้ส่วนใหญ่จัดเป็นยาอันตราย ที่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และไม่ได้ใช้กับคนทุกคน ขณะที่ยาส่วนหนึ่งอาจอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง รวมถึงผู้ซื้อยังต้องเสี่ยงกับยาปลอมด้วย ที่สำคัญคืออันตรายและผลข้างเคียงที่จะได้รับจากยาเหล่านี้ ที่ส่งผลกระทบถึงชีวิตทีเดียว “พวกผู้ชายจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ที่อยากจะได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินทางเพศ ยาบางประเภทเป็นการกระตุ้นให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ การละเมิด ที่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายระวังตัว ส่วนผู้ชายเป็นผู้กำหนดรูปแบบการมีเซ็กส์ได้ตามความพอใจ เรื่องเหล่านี้ผิดกฎหมายและอันตรายกับผู้หญิงทุกคน ขณะที่การเขียนบรรยายสรรพคุณของยา มีการปรับรูปแบบให้น่าเชื่อถือ ให้ความรู้ ความเชื่อเรื่องเพศที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งผู้ซื้อและผู้ถูกใช้ อาจมีความเชื่อผิดๆในเรื่องเพศได้ด้วย “นายภานุพัฒน์ กล่าว
น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดกการ แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า การมองว่าปัญหาเพศ มีแค่โรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะ เรื่องเพศมีความหมาย ตั้งแต่การเกิด การเลี้ยงดู พฤติกรรม ความรับผิดชอบ การเคารพสิทธิทางเพศต่อตนเอง และผู้อื่น รวมถึงค่านิยมความเป็นชายหรือหญิง จึงต้องมีการให้ความหมายใหม่ว่า เรื่องเพศ คือ “วิถีเพศ วิถีชีวิต” จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนมุมมองทัศนคติ การหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องเพศ ทำให้เกิดความ “ไม่รู้” และนำไปสู่ความเชื่อแบบผิดๆ หรือรู้ไม่หมดรู้ไม่จริง กลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อของยาเหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของปัญหาเท่านั้น
ได้เที่ยวชมงานในวันนั้น เสร็จ ไม่เพียงแค่จะเกิดดวงตาสว่างกับสิ่งที่อยู่รอบข้างเท่านั้น แต่ยังเสมือนหนึ่งว่าได้มี ผู้พิทักษ์ประจำตัวที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับตัวของเราด้วย
“ตัวตนของผู้พิทักษ์ประจำตน” เป็น ความสำคัญอย่างมากในสังคมที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ในโลกยุคนี้ ดังนั้นการแสวงหา ผู้พิทักษ์ประจำตน จึงเป็นความจำเป็นที่คนทุกคนต้องแสวงหาเพื่อประโยชน์ของตนเอง อย่าเพียงแค่ฝากความหวังไว้ให้กับผู้นำสังคมเท่านั้น เพราะมิฉะนั้นมันจะสายเกินแก้
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update : 22-10-51