ยกระดับสู่แม่สอด นครแห่งวัฒนธรรมการอ่านชนเผ่า
ที่มา : แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
แผนการอ่านฯ สสส.ร่วมกับเครือข่ายปกาเกอะญอแม่สอด จัดเสวนาเข้ม หวังให้การอ่านสร้างชีวิต ยกระดับสู่แม่สอดนครแห่งวัฒนธรรมการอ่านของชนเผ่า
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ โบสถ์คาทอลิกนักบุญเปโตรบ้านพะเด๊ะ ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โครงการอ่านเชื่อมใจสองวัยสร้างสุข แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ปี 2559 สนับสนุนโดย แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และองค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุผา ได้จัดเวทีคืนข้อมูลครึ่งทางผลการทำโครงการฯ โดยตั้งชื่อว่า เวที “อ่านชีวิต อ่านสร้างสุข: เวทีเรียนรู้การอ่านจากภูมิปัญญา 10คุ้ม 10 ภูมิปัญญาปกาเกอะญอ” ขึ้น โดยได้รับเมตตาจากพระคุณเจ้ายอแซฟพิบูลย์ วิสิฐนนทชัย มุขนายก สังฆมณฑลนครสวรรค์ พร้อมด้วย นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ให้เกียรติมาเป็นประธาน
ในกิจกรรมดังกล่าว มีชาวบ้านหมู่บ้านพะเด๊ะและใกล้เคียง ผู้นำศาสนา ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ครู ปราชญ์ กลุ่มยุวทูตนักอ่าน “อาสาสมัครเชื่อมรักสองวัย (อชส.)” เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง พร้อมกับซุ้มนำเสนอและจำลองการเรียนรู้จริงกับฐานเรียนรู้ภูมิปัญญา 10 คุ้ม 10 ภูมิปัญญาคนปกาเกอะญอ ได้แก่ 1.ภาษา 2.ดนตรีปา(เตหน่า) 3.อาหารพื้นบ้าน 4.วิถีไร่หมุนเวียน 5.เครื่องจักสาน 6.สมุนไพร 7.บทลำนำ(ธา) 8.ผ้าทอมือ 9.ประเพณีชีวิต 10.การละเล่น
ช่วงเช้า คุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ได้ขึ้นเวทีเล่าสถานการณ์เกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายภาคีการทำงานเพื่อยกระดับขับเคลื่อนการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านทั้งนโยบายและปฏิบัติการ
จากนั้น ได้มีเวทีเสวนา “อ่านสร้างชีวิตผ่านภูมิปัญญาปกาเกอะญอสืบสานอัตลักษณ์พื้นถิ่นขับเคลื่อนยกระดับสู่แม่สอด…นครแห่งการอ่าน” โดยมีผู้ร่วมเสวนาที่เป็นบุคคลสำคัญในพื้นที่ ได้แก่ นาย ชาญวิทย์ ด่านบุผชาติ ตัวแทนภูมิปัญญา, นาย ประยุทธ์ อ่อนทุวงศ์ ปราชญ์ชุมชน, อาจารย์เอ็มมานูเอล ตาดิ นักวิชาการ, นาย สมนึก ชื่นนิยม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ ท้องถิ่น,นาย ศิริชัย พลอยหาญการ ผู้ใหญ่บ้านพะเด๊ะ, นายประหยัด อ่อนทุวงศ์ ผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ ครู
พระคุณเจ้า ยอแซฟ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย มุขนายก สังฆมณฑลนครสวรรค์ และประธานมูลนิธิคาทอลิกนครสวรรค์ กล่าวว่า “การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย มนุษย์เริ่มต้นเรียนรู้จากการอ่าน การอ่านที่ว่านี้ ไม่ใช่อ่านหนังสืออย่างเดียว แต่คือการพยายามทำความเข้าใจการสื่อสารที่หลากหลายและนานามิติ เช่น การมองตา การสัมผัส ที่สำคัญคือการเรียนรู้วิถีชุมชนตั้งแต่เกิดจนตาย การที่แผนการอ่าน สสส. ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนในครั้งนี้ เห็นชัดว่า ได้ก่อนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อัตลักษณ์และภูมิปัญญาสำคัญในพื้นที่และมีแนวโน้มที่จะขยายออกไปในพื้นที่ใกล้เคียงในอนาคต โดยน่าจะต่อยอดจากกิจกรรมรูปธรรมเชิงประจักษ์ คือ การเวทีเรียนรู้การอ่านจากภูมิปัญญา 10คุ้ม 10 ภูมิปัญญาปกาเกอะญอ ครั้งนี้ ”
ด้านบาทหลวงชาญชัย เต็มอรุณรุ้ง หัวหน้าศูนย์สังคมพัฒนาเขต 3 บ้านแม่ปะ กล่าวว่า การจัดเวทีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการบอกเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อดำเนินการต่อไป พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อร่วมกันในการทำให้เกิดให้ได้โครงการนี้ คือ
1.เราเริ่มงานทำจากจุดเล็กๆ ในกลุ่มนักพัฒนา ครู ผู้นำชาวบ้าน และแกนนำเยาวชนทำให้แน่น และทั่วถึง จากนั้นขยายออกไป
2.มีการทำงานลงสู่รากหญ้า เข้าถึงชุมชน จัดประชุมกลุ่มย่อย หรือออกเยี่ยมบ้าน ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ สร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบญาติพี่น้องไปควบคู่การส่งเสริมการอ่าน
3.พัฒนากลไกคณะทำงานขึ้นมา ไม่ใช่เป็นแต่ “ผู้รับการพัฒนา” แต่พยายามเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นผู้ร่วมพัฒนา สร้างคน ไปพร้อมๆกับสร้างวัฒนธรรมการอ่าน
4.เน้นกระบวนการการอ่านที่ไม่ใช่แค่เอาเรื่องหรือเอาความรู้ แต่เน้น “เอาคน” หมายถึง คำนึงถึงความสัมพันธ์กับผู้คนที่เกี่ยวข้องให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนไปพร้อมๆกัน
5.เลือกครอบครัวที่ “อาสามาอ่าน” แล้ว จากนั้นก็เข้าสู่การฝึกอบรมเป็น “อาสามาฝึก” อ่านสืบทอดภูมิปัญญาและชีวิตปกาเกอะญอ
6.คัดสรรหนังสือจากภาษาไทยกลางจำนวนหนึ่ง มาเป็นต้นแบบก่อน ช่วยกันจัดระบบเวียนกันยืมอ่านหนังสือได้หมุนเวียนทั่วถึง ที่สำคัญให้นำไปสู่การผลิตหนังสือน่าอ่านเป็นภาษาปกาเกอะญอต่อไปในอนาคต
7.พลังสำคัญเพื่อการขยายผลของโครงการ ก็คือ แกนประสานที่กลุ่มเป้าหมายคัดเลือกกันเองโดยใช้ชื่อว่า “อาสาสมัครเชื่อมรักสองวัย (อชส.)” มาเป็นผู้คอยติดตามผลและรายงานตามแบบฟอร์มที่คิดขึ้น โดยมีการเรียกประชุม สม่ำเสมอ
นายสมนึก ชื่นนิยม นายก อบต.พระธาตุผาแดง กล่าวว่า ทางอบต.ได้จัดซื้อหนังสือเพื่อจัดทำห้องสมุดประจำตำบลปีละหลายแสนบาทอยู่หลายปี แรกๆก็มีคนมายืมอ่าน แต่ตอนนี้เงียบเหงาจนจะกลายเป็นห้องสมุดร้างไปแล้ว จึงไม่ได้กันงบไว้ส่งเสริมการอ่านอีกเลย แต่พอได้ฟังข้อมูลวันนี้ ก็มีความเห็นว่าจะกลับไปรื้อฟื้นใหม่อีกครั้ง โดยจะทำงานแบบเชิงรุก คือ ให้จัดทำกระเช้าหนังสือ เพื่อมอบให้สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลนำไปตั้งจุดอ่านที่หมู่บ้านตนเองทั้ง 7 หมู่ เมื่อมีการประชุมประจำเดือนก็จะให้มีการายงานผลและเวียนตะกร้าหนังสือในหมู่บ้านอื่นๆ สลับกันไป ซึ่งจะทำให้หนังสือในห้องสมุดได้เดินทางไปหาคนในพื้นที่และเกิดประโยชน์มากขึ้น”
นางสาวมัทธนา ไตรทศกุล แกนนำอาสาสมัครเชื่อมรักสองวัย (อชส.) กล่าวว่า ภูมิใจที่ได้มาทำโครงการนี้ เพราะทำให้ได้มีโอกาสฟื้นฟูภาษาและความรู้ต่างๆที่เป็นองค์ความรู้ของปราชญ์และชุมชน ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากนั้น องค์ความรู้ทั้ง 10 อย่างที่ได้ร่วมเรียนรู้ตลอดโครงการนี้ ก็ได้มีโอกาสถ่ายทอดให้กับน้องๆ ทำให้รู้สึกว่า มีคุณค่า และอยากให้โครงการอ่านนี้เป็นโครงการต่อเนื่องในพื้นที่ หนูและเพื่อนตั้งใจว่าจะทำต่อไปแน่นอนค่ะ และขอให้ผู้ใหญ่ได้ส่งเสริมและให้โอกาสพวกเราได้ร่วมสืบทอดภูมิปัญญาในครั้งนี้ด้วย”
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า โครงการอ่านฯนี้ เราทำกันทั้งประเทศ พยายามผลักให้เป็นนโยบายสาธารณะระดับชาติ ที่นี่เป็นที่เดียวที่เน้นส่งเสริมการอ่านในกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ซึ่งน่าสนใจ เพราะหากสามารถส่งเสริมการอ่านอย่างเป็นรูปธรรมได้ ก็จะเป็นพื้นที่ต้นแบบการอ่านให้กับกลุ่มปกาเกอะญอที่เหลือทั้งประเทศในอนาคต ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบล คณะทำงานโครงการอ่านและภาคีต่างๆในพื้นที่ น่าจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้การสร้างวัฒนธรรมการอ่านในพื้นที่เติบโตขยายผลไปพร้อมๆกันพื้นที่อื่นๆทั้งประเทศแน่นอน”