ฟันชายไม่สวมถุงยางทำท้องเพิ่มโทษ

ทั้งอาญา-แพ่ง แถมเอาผิดพ่อแม่ด้วย

          “อิสสระ” เสนอเพิ่มโทษชายที่ทำหญิงท้องทั้งทางแพ่งและอาญา ขณะที่อธิบดีอัยการชงแก้กฎหมายอาญาเพิ่มความผิดชายที่ไม่สวมถุงยางอนามัยทำหญิงท้อง ไม่เว้นพ่อแม่ ถือเป็นความผิดร่วมฐานไม่สั่งสอน

 

          นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง “ทำท้องแล้วต้องรับ” รวมถึงบรรยายในหัวข้อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อมว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมาได้เห็นชอบยุทธศาสตร์ 6 ด้านเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตว่าทุกเดือนมีทารกถูกนำไปทิ้งในที่สาธารณะ เช่น ป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล หอพัก รวมถึงโยนลงแม่น้ำ

 

          ดังนั้น ต้องเร่งหามาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ ทาง พม. จึงได้ศึกษาและนำเสนอ 6 ยุทธศาสตร์ พร้อมกับเชิญผู้รู้มาร่วมกันให้ความเห็นและหาทางออกกรณีหากไม่ทำแท้งจะมีทางออกอย่างไร เนื่องจากปัจจุบันทำแท้งได้ 2 ช่องทางคือ 1.ถูกข่มขืน 2.ครรภ์เป็นพิษ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีบอกว่าปัญหาการถูกข่มขืนและครรภ์เป็นพิษเมื่อทำแท้งยังประสบปัญหาโรงพยาบาลหลายแห่งไม่ทำให้ กรณีแบบนี้ทำให้เกิดธุรกิจทำแท้งเถื่อนเจริญเติบโตอย่างมาก เห็นได้จากกรณีศพทารก 2002 ศพที่วัดไผ่เงิน

 

          นายอิสสระกล่าวต่อว่า จากการศึกษาปัญหาเด็กตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์พบว่าสถิติของไทยมีอัตราหญิงอายุต่ำกว่า 19 ปี ตั้งครรภ์เฉลี่ย 70 คน จาก 1,000 คน ถือเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแอฟริกา และจากสถิติจังหวัดที่มีหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีมาทำคลอดที่โรงพยาบาล 10 อันดับแรก ได้แก่ กำแพงเพชร ประจวบคีรีขันธ์ พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สมุทรสงคราม ชัยนาท กาญจนบุรี และอ่างทอง นอกจาก

 

          นครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สมุทรสงคราม ชัยนาท กาญจนบุรี และอ่างทอง นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุดคือ 1.เด็กและเยาวชนในโรงเรียนระดับ ประถมฯ มัธยมต้นฯ-ปลาย 2.เด็กในชุมชนแออัด 3.เด็กที่อาศัยตามหอพัก 4.เด็กที่ทำงานในโรงงาน และ 5.เด็กเร่ร่อน

 

          จากการหารือกับฝ่ายกฎหมายมีแนวคิดจะเพิ่มบทลงโทษเรื่องของความรับผิดชอบในกลุ่มชายที่ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ อาจมีการแก้ไขกฎหมาย แพ่งและอาญาในส่วนของการกระทำชำเราหญิงที่มีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป โดยอาจให้มีโทษทั้งกับตัวผู้ชาย ผู้ปกครองของผู้ชาย ตั้งแต่ปรับและจำคุก หลังจากที่ผ่านมากฎหมายครอบคลุมเฉพาะการกระทำชำเราในหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และยังเปิดช่องให้เกิดการอนุโลมหรือยินยอมให้เด็กชายและหญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถอยู่ร่วมกันได้หากผู้ปกครองเห็นชอบ

 

          ด้านนายวิชช์ จีระแพทย์ อธิบดีอัยการฝ่ายวิชาการ สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดเป็นความผิดฐานใหม่ในกฎ หมายอาญา โดยจะเขียนระบุบังคับให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ต้องใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งจะเป็นมาตรการร่วมกับการแจกถุงยางอนามัยให้เหมือนกับการพกหมากฝรั่งติดตัว เนื่อง จากไม่สามารถห้ามเด็กมีเพศสัมพันธ์ได้

 

          “มาตรการนี้จะเป็นการบีบให้ผู้ชายป้องกัน นอกจากการลงโทษแล้วผู้ชายต้องตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์เด็กที่เกิดมาและหาผู้รับผิดชอบ โดยกำหนดเกณฑ์อายุถ้าเป็นพ่อวัยเยาว์ อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องเอาผิดกับพ่อแม่ของฝ่ายชายด้วย แต่หากอายุเกิน

 

          กับพ่อแม่ของฝ่ายชายด้วย แต่หากอายุเกิน 18 ปี ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวยังต้องผ่านขั้นตอนการประชาพิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง”

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้

 

 

update:23-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ