พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
แฟ้มภาพ
เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายสรรค์สร้างโครงการ'สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก'ด้วยตระหนักถึง การเปลี่ยนไปของสภาพแวดล้อมสังคมปัจจุบันแต่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้แก่เด็กเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ที่สามารถปฏิบัติได้จริง
โดยมีการเล่าถึงเทคนิคการเลี้ยงลูกแบบ5Lจาก พญ.จิราภรณ์ อรุณากูรกุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จากแฟนเพจเลี้ยงลูกนอกบ้านเพื่อที่จะส่งเสริมให้เด็กๆ มีทักษะต่างๆ ในชีวิตที่เหมาะสม ให้มีภูมิคุ้มกันในการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจได้ตั้งแต่เด็กๆ
นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียรผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.กล่าวว่า สสส.ดำเนินงานในเรื่องสุขภาพของคนไทยไม่ใช่แค่ช่วงวัยเด็กเท่านั้น แต่เราทำงานกับทุกช่วงอายุเพราะเราต้องการที่จะเห็นคนไทย มีสุขภาพกายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในส่วนของเด็กที่อยู่ในช่วงปฐมวัยเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเราเชื่อว่าช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เขาสามารถเรียนรู้ซึมซับสิ่งต่างๆ เพราะเป็นวัยที่สำคัญในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก และการแสดงออก
ดังนั้น สสส.จึงส่งเสริมให้พ่อแม่พัฒนาการเลี้ยงลูกโดยนำเอาเทคนิคการเลี้ยงลูกแบบ5Lไปปรับใช้ เพราะเราคิดว่าถ้าหากเขามีสิ่งแวดล้อมที่ดีได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์พร้อมกับมีทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มศักยภาพ
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่นฯจากแฟนเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน อธิบายและให้แนะนำในการเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบ5Lว่า การเลี้ยงลูกเชิงบวก (Positive parenting/Positive discipline) คือการมองลูกเป็นปัจเจกชนคนหนึ่ง เด็กทุกคนควรถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้าใจและให้ความเคารพในตัวตนของเด็ก ยอมรับและใช้วิธีการชี้แนะให้กำลังใจมากกว่าการถูกควบคุมหรือโดนทำโทษเด็กทุกคนควรได้รับความรักการเลี้ยงดูโดยไม่จำเป็นจะต้องทำให้เกิดผลลบทางจิตใจ และมีสิทธิที่จะได้เติบโตมาอย่างปราศจากความรุนแรง
พญ.จิราภรณ์อธิบายต่อว่าการเลี้ยงลูกเชิงบวกหรือการฝึกวินัยเชิงบวกจะหลีกเลี่ยงการลงโทษเท่าที่สามารถทำได้ จะใช้การสอนแทนการทำโทษใช้ความเข้าใจแทนคำขู่ ใช้ความรักและเห็นอกเห็นใจแทนการทำให้อายและเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่แบบรักและเคารพ มากกว่าความเกรงกลัวเพราะเราเชื่อในหลักการที่ว่า"ไม่ตีก็ดีได้"ดังนั้น การสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างพ่อแม่และลูก ด้วยหลัก 5L มีดังนี้ 1.Love ความรักพ่อแม่หลายคนมีปัญหาในการแสดงความรัก สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำคือ แสดงความรักผ่านการกอด หอม คำชม พูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะลูกสะกดคำว่า"รัก" ได้จาก"เวลาคุณภาพ" 2. Limit การตั้งกติกาเลี้ยงลูกด้วยความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอการเป็นพ่อแม่นอกจากการเลี้ยงด้วยความรักแล้วต้องสร้างกติกาและฝึกวินัยควบคู่ไปด้วยกัน โดยใช้วิธีการสร้างความเชื่อใจ ชี้แนะ แนะนำ และใช้การสื่อสารที่ดี เป็นวิธีการสร้างวินัย แทนการควบคุม ใช้กำลัง บังคับ หรือขู่เข็น
3. Learnการ พาเรียนรู้ฝึกให้ลูกรู้จักคิด วิเคราะห์ให้เป็นผ่านการลงมือทำ เช่น ให้เขาทำงานบ้าน เป็นการฝึกทั้ง โฟกัส ความจำ ความอดทนความพยายามหรือฝึกลูกด้วยการออกเดินทางให้เขารู้จักรับผิดชอบ และแก้ไขปัญหา รวมไปถึงเป็นการเปิดโลกเขาให้ กว้างขึ้น เป็นต้น 4. Lit them grow การให้อิสรภาพฝึกให้ลูกเติบโตปล่อยให้เขาโตขึ้นในวิถีที่เขาเป็นตัวเองบางครั้งก็ต้องปล่อยให้ลูกเรียนรู้จากความผิดของตัวเอง 5. Let it be การปล่อยวางอย่างเข้าใจ พ่อแม่ต้องบอกตัวเองไว้เสมอ ลูกไม่ใช่ของเราชีวิตเป็นของเขา พ่อแม่มีหน้าที่แค่คอยช่วยเหลือให้เขาเติบโตไม่ใช่ควบคุม
ในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก พ่อแม่ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญเนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและใช้เวลากับเด็กมากที่สุดซึ่ง นางอารดา สมไพบูลย์ อายุ 37 ปี ผู้ปกครองที่เข้าร่วมกิจกรรม เล่าว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายจนบางครั้งเราตามไม่ทัน ดังนั้นจึงเป็นห่วงเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมว่าสามารถใช้ชีวิตและปรับตัวได้อย่างไรหากเขาโตขึ้นสำหรับตัวเอง วิธีเลี้ยงลูก จะพยายามค่อยๆ ให้เป็นตามช่วงวัย ตอนนี้ลูกอายุขวบแรก ก็จะเน้นให้ความรักดูแลเรื่องสุขภาพ และถ้าหากโตกว่านั้นจะค่อยๆ ปรับเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันการเข้าฟังกิจกรรมในครั้งนี้ ตนเองได้ความรู้พอสมควร ในการเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบ5Lมีประโยชน์ไม่ใช่แค่กับลูกเท่านั้นแต่กับครอบครัวก็ได้ประโยชน์ด้วย
สอดคล้องกับนางจิติมนต์จริณยานนท์ อายุ 35 ปี อีกหนึ่งครอบครัวที่มาเข้าร่วมกิจกรรม เล่าให้ฟังว่า เราก็ไม่เคยเป็นพ่อเป็นแม่กันมาก่อน ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่กังวลก็คือ เทคโนโลยีสมัยนี้มีมากขึ้น เราเป็นพ่อแม่ก็มักตามลูกไม่ทันยิ่งตอนนี้ลูกชายวัย5ขวบ11เดือน เขามีความอยากรู้และสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น เราห่วงลูกจนบางครั้งกลายเป็นว่าไปจี้เขามากเกินไป บ่อยครั้งที่คุณพ่อต้องคอยเตือนเรา ซึ่งคุณพ่อเป็นคนหนึ่งที่ติดตามกิจกรรมของ สสส.อยู่ตลอดพอมีจัดกิจกรรม ในครั้งนี้ก็เลยชวนกันมาการเข้ากิจกรรมวันนี้เท่ากับเปิดโลกได้วิธีการเลี้ยงลูกกลับไปปรับใช้หลายเรื่องเพราะว่าชอบเลี้ยงลูกในเชิงลบโดยที่ไม่รู้ตัว เลยไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันมีข้อดีข้อเสียยังไง พอได้มางานนี้ก็รู้ว่า ต้องปรับต้องแก้อะไรเพิ่มเติม
นอกจากกิจกรรมสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก ตอน เทคนิคการเลี้ยงลูกแบบ5Lศูนย์ เรียนรู้ยังมีกิจกรรมพาพ่อแม่ ออนทัวร์ ไปหาประสบการณ์นอกบ้าน เรียนรู้เทคนิค วิธีการส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย การเรียนรู้ สร้างวินัย ซึ่งจะเกิดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และต้นเดือนสิงหาคมก็จะมีกิจกรรมห้องเรียนพ่อแม่อีกครั้งซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะมีต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีให้พ่อแม่ที่สนใจได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แต่หากท่านใดไม่สามารถมาทำกิจกรรมได้ ทาง สสส.ก็ยังมีรายการโทรทัศน์ไว้ ให้ติดตามกัน เช่นรายการขบวนการตากอากาศ ทางช่องTPBS,รายการบ้านกลมกล่อมและรายการไม่ตีก็ดีได้ ที่กำลังจะออกอาการทางช่องอัมรินทร์เร็วๆ นี้