พบแนวโน้มชายป่วยมะเร็งตับสูงขึ้น

แนะ!! งดกินของดิบหมั่นตรวจร่างกายออกกำลังกายช่วยได้

 

         

ศ.เกียรติคุณ นพ. เติมชัย ไชยนุวัติ ประธานมูลนิธิโรคตับ กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคตับจำนวนมาก โดยมีสถิติการเสียชีวิตจากโรคตับเป็นอันดับต้นๆ มีข้อมูลต่างๆ ที่ชวนให้สังคมไทยตระหนักถึงภัยร้ายของโรคตับ เช่น มะเร็งตับเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งในผู้ชาย และเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิง รองจากมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม

 

          ในปีหนึ่งๆ พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งตับเกิดขึ้นใหม่ประมาณ 15,000 ราย และคาดว่าในปี 2551 นี้ น่าจะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งตับรายใหม่กว่า  20,000 ราย

 

          ไวรัสตับอักเสบ บี ติดง่ายกว่าไวรัสเอดส์เป็น 100 เท่าเพราะเชื้อมีจำนวนมากกว่า โรคตับอักเสบบีและซี เป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบเรื้อรัง ทำให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด, ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับมักจะเป็นในระยะสุดท้าย และมักจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 3-6 เดือน

 

          ศ.เกียรติคุณ นพ. เติมชัย กล่าวว่า ผู้ที่มีประวัติการดื่มอัลกอฮอล์เป็นประจำ และผู้ที่รับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อราที่มีสารอัลฟาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงแห้งป่น พริกป่น มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับสูงอุบัติการต่างๆ เกี่ยวกับโรคตับนำมาสู่ความสูญเสียทั้งทางด้านทรัพยากรบุคคลและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสาเหตุและการป้องกันรักษาโรคน้อย ทางมูลนิธิฯ จึงอยากให้ประชาชนรู้จักการป้องกันและดูแลรักษาสุขภาพ เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ,รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่รับประทานปลาดิบ ได้แก่ ปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาซิว ปลาสร้อย เพราะอาจมีพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับแบบมะเร็งในท่อน้ำดี

 

          โดยโรคนี้พบมากในประชาชนภาคอีสานและภาคเหนือ, ไม่รับประทานอาหารที่มีสารอัลฟาท็อกซิน(สร้างจากเชื้อราดำ ซึ่งชอบอยู่ในที่ร้อนชื้น) พบมากอาหารแห้งที่เก็บไว้ชื้นๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วปน พริกแห้ง ข้าว แป้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ฯลฯ, ไม่สัก เจาะหรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์, ไม่ปล่อยตัวให้เป็นโรคอ้วนลงพุง(metabolic syndrome) ซึ่งจะทำให้เป็นเบาหวาน เป็นโรคตับอักเสบจากไขมันในตับ และเป็นมะเร็งตับในที่สุด, ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน และพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ(ทุก 6 เดือน)

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

 

 

update: 01-07-51

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code