ผู้ดีจับมือมะกันทดลองรักษาตาบอดด้วยยีน
ผลเบื้องต้นระบุคนไข้บางคนเริ่มมองเห็นหลังทำยีนบำบัด
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานความสำเร็จเบื้องต้นของทีมนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถรักษาคนไข้ที่เป็นโรคตาบอดชนิดหนึ่งซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยได้ช่วยให้คนไข้ทั้งหมด 4 คนมีการมองเห็นที่ดีขึ้นหลังรับการรักษาด้วยเทคโนโลยีการใช้ยีนในการรักษาโรคหรือ “ยีนบำบัด”
โรคตาบอดชนิดที่นำมาทดลองรักษาด้วยวิธียีนบำบัดนี้คือ โรค leber congenital amaurosis หรือ แอลซีเอ และจากผลสำเร็จนี้เองทำให้นักวิทยาศาสตร์เกิดความเชื่อมั่นขึ้นมามากว่าสาขาการรักษาโรคด้วยยีนที่มีความยุ่งยากนี้น่าจะมีอนาคตที่ดี
สำหรับโรคตาบอดแอลซีเอนั้นเป็นการตาบอดที่เกิดจากความเสียหายของตัวรับแสงในเรติน่าหรือ เยื่อชั้นในของลูกตา โดยโรคตาบอดชนิดนี้มักจะเริ่มจากการก่อปัญหาทางการมองเห็นตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็ก ๆ และเมื่อถึงอายุประมาณ 30 ปีตาคนไข้ก็จะตาบอดสนิท ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่วิธีรักษาให้หายขาดได้
สำหรับการวิจัยครั้งนี้นั้นเป็นความร่วมมือกันระหว่างทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษโดยทั้ง 2 ทีมได้ใช้ ไวรัสหวัดชนิดธรรมดาเป็นพาหะนำเซลล์ที่เรียกว่า rpe65 ซึ่งมีสภาพปกติเข้าไปซ่อมแซมส่วนของดวงตาที่เซลล์ตัวนี้ถูกทำลายไปโดยอาการของโรค
และถึงแม้ว่าการทดลองทั้งที่ทำในประเทศอังกฤษและอเมริกาจะยังเป็นเพียงการทดลองในขั้นต้นคือขั้นการทดสอบความปลอดภัยแต่นักวิจัยก็พบว่าการทดลองรักษาด้วยวิธีนี้ทำให้คนไข้จำนวนหนึ่งสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นหลังรับการรักษา
ทั้งนี้ผลการทดลองของทั้ง 2 ทีมถูกนำเสนอต่อการประชุมวิชาการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาซึ่งจัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐฟลอริดา อีกทั้งยังได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านการแพทย์ชื่อดัง the
พญ.แคเทอรีน ไฮน์ จากโรงพยาบาลเด็กแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย และสถาบันการแพทย์อวาร์ด ฮิวจ์ส พร้อมคณะผู้วิจัยกล่าวว่าคนไข้อาสาสมัครทั้งหมดจำนวน 3 คนมีความสามารถในการมองเห็นที่ดีขึ้นหลังจากรับการรักษาด้วยวิธียีนบำบัด
ด้านนพ.โรบิน อาลี จากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนและคณะผู้วิจัยในฝั่งอังกฤษกล่าวว่าผลการทดลองของทีมของเขาล่าสุดคือคนไข้จำนวน 1 คนจากทั้งหมด 3 คนมีอาการดีขึ้นหลังรับการรักษา ซึ่งทีมนักวิจัยในอังกฤษเองก็ยอมรับว่าเป็นเพราะว่าคนไข้ของพวกเขาเป็นคนวัยผู้ใหญ่แล้วจึงเป็นคนไข้ที่สูญเสียการมองเห็นไปอย่างมากหรืออยู่ในขั้นรุนแรงแล้วทีมนักวิจัยจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากการทดลองรักษาครั้งนี้
“ผลการทดลองนี้มีความสำคัญมาก ๆ ต่อสาขาการรักษาด้วยวิธียีนบำบัด” นพ.ไฮน์ ซึ่งเป็นอดีตประธานสมาคมยีนบัดอเมริกากล่าวและว่าคนไข้ที่ทดลองรักษาในส่วนของสหรัฐทั้งหมด 3 คนมีอายุ 19 ปี 1 คน และ 26 ปี 2 คน
ด้านคนไข้ 1 รายที่มีอาการดีขึ้นในการทดลองของทีมประเทศอังกฤษของนพ.อาลี ซึ่งมีชื่อว่า สตีเวน โฮวาร์ท กล่าวว่าเขามีความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางขึ้นดีขึ้นกว่าเก่าเป็นอย่างมากจนทำให้ปัจจุบันสามารถขับรถไปไหนต่อไหนในเวลากลางคืนได้แล้ว
ที่มา : สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
update 30-04-51