ผู้จัดการ สสส. เยี่ยมเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพฯ
ผู้จัดการ สสส. ร่วมประชุมเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพฯ เสนอการทำงานแบบเน้นจุดปฏิบัติการ สร้างคอมมูนิตี้ เดินหน้าส่งเสริมสุขภาวะแบบเอกภาพ มุ่งหวังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ทพ.กฤษดา เรืองอารีรัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วย นางสาวธนานาถ ล้อทอง ผู้อำนวยการสำนักภาคีสัมพันธ์ และทีมงานเดินทางเพื่อเข้าพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงานสร้างเสริมสุขภาพเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ณ ห้องประชุมมูลนิธิวชิรเวชวิทยาลัยฯ อาคารเฉลิมพระบารมี ๕๐ ปี
ทพ.กฤษดากล่าวว่า สสส.กับคนทำงานก็เป็นเหมือนพาทเนอร์ที่ทำงานใกล้ชิดกัน เราจึงมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรมันไม่น่าจะเป็นลักษณะของผู้ให้ทุนกับผู้รับทุน แต่มันคือความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานที่ร่วมคิดร่วมทำไปพร้อมๆ กัน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเยี่ยมองค์กรต่างๆ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญ เนื่องจากเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพฯ ครบรอบ 10 ปี และเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยี่ยมเยือน โดยจะเน้นการทำความเข้าใจถึงลักษณะการทำงาน ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน และร่วมพูดคุยกันถึงแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข
“ภายหลังได้รับฟังความคืบหน้าการทำงานของแต่ละเครือข่ายก็ได้เห็นพลังที่น่าสนใจมาก เราได้เห็นคนที่ตั้งใจทำงานจริงๆ และอยากเห็นสังคมไทยที่ดีขึ้น แล้วก็ร่วมกันทำงานเต็มที่ ถึงแม้จะมีปัญหาและอุปสรรคเยอะแยะ แต่ก็สามารถทำงานได้อย่างมหาศาลจริงๆ”
ผู้จัดการ สสส. กล่าวอีกว่า ปัญหาที่ผ่านมาเพียงจุดเดียวของเราก็คือว่า ทุกครั้งที่ทำการรณรงค์แล้วมันจะไม่ค่อยมีจุดปฏิบัติการ ทั้งๆ แคมเปญที่ออกมาโดนใจกลุ่มเป้าหมายมาก เช่น รณรงค์ให้คนไม่สูบบุหรี่ การสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่ แต่ว่าทุกครั้งมักจะไม่มีขยายผล สมมุติว่า มีคนอยากทำกิจกรรมรณรงค์ เขาจะไปที่ไหน จะไปเจอใครได้ คือสัมผัสไม่ได้ ซึ่งทำให้ขาดความต่อเนื่อง
“พอฟังความคิดเห็นจากเครือข่ายก็พบว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ ที่จะทำงานด้วยกันในเชิงการพัฒนา คือเราอยากจะหาจุดปฏิบัติการ เช่น เรามีพยาบาล แพทย์ คลินิก หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชั่น ถ้าในอนาคตเราสร้างให้มันเป็นคอมมูนิตี้ของแอปพลิเคชั่น คือให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ได้ บุคลากรเอาความรู้ ข้อมูลทางวิชาการมาใส่ ประชาชน นิสิตนักศึกษา สามารถเข้ามาศึกษาข้อมูลและนำไปใช้ได้ มันอาจจะเป็นตัวคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เรื่องพวกนี้สามารถจับต้องได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องพวกแบบนี้สามารถย่นระยะเวลาการทำงานของเครือข่ายได้ และถ้าหากมองไปที่การทำแคมเปญใหญ่ อย่างการรณรงค์ให้คนไม่สูบบุหรี่ ที่ปฏิบัติการร่วมกับเครือข่าย เมื่อประชาชนสนใจ พวกเขาสามารถไปหาคนที่ใกล้ตัวได้เลย และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการเลิกบุหรี่ได้หรือเรื่องอื่นๆ ซึ่งถ้าหากทางเครือข่ายสนใจเราจะมาร่วมกันคิดและขยับไปพร้อมๆ กันอย่างมีพลัง”
ผู้จัดการ สสส. บอกอีกว่าในส่วนของการจัดการเครือข่าย หากมีอะไรที่ สสส. สามารถเข้าไปหนุนเสริมได้ เช่น ในเชิงของการพัฒนาศักยภาพคนทำงาน เรื่องของการทำเน็ตเวิร์คกิ้งหรือการทำโซเชียลมีเดีย บางเครือข่ายสนใจการสื่อสาร เรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถแลกเปลี่ยนและแบ่งปันเพื่อจะให้เครือข่ายเข้มแข็งขึ้น ซึ่งการเยี่ยมเยียนภาคีเราต้องการสะท้อนปัญหาเพื่อนำกลับมาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นนั่นเอง
ทางด้าน นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพฯ ได้สรุปถึงจุดอ่อน จุดแข็งในการทำงานของเครือข่ายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
จุดอ่อน คือ
1. เรามีโครงการและคนทำงานเยอะมาก แต่ในการทำงาน เมื่อรับงานมาแล้ว ก็มักจะแยกกันทำ การร่วมมือเป็นเอกภาพยังไม่ค่อยมี และยังไม่ชัดเจน มีการประสานงานยังไม่ดีเท่าที่ควร
2. ผู้บริหารภาครัฐบาลยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติการของเราน้อยไป
3. งบประมาณในการดำเนินงานเรื่องต่อต้านเหล้าและบุหรี่ยังไม่สมดุลกับแรงต้านจากผู้ประกอบการธุรกิจที่ทำลายสุขภาพต่างๆ เขามีงบดำเนินการเรื่องการตลาดโดยเฉพาะสูงมาก
4. เรายังขาดกฏหมายที่จะช่วยส่งเสริมให้การดำเนินการสมฤทธิ์ผล เราลงไปถึงชุมชน บอกให้เขาทำโน่นทำนี่ หรือไม่ทำ แต่เรายังขาดกฏหมายที่เข้มแข็ง ผู้ปฏิบัติที่จะรักษากฏหมายที่ช่วยเราในการทำให้มันเห็นจริงเห็นจังขึ้นมา ยังไม่ชัดเจน
5. เทคนิคการประชาชาสัมพันธ์เรายังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ากลุ่มที่มีแรงต้าน ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าเป็นธุรกิจที่ทำลายสุขภาพ แต่มีพื้นที่ในสื่อเยอะมากทำให้เราทำงานค่อนข้างลำบาก
6. จำนวนบุคลากรในหน่วยงานมีน้อย ต้องการการขยายผล เช่นเดียวกับที่โครงการของเราทำอยู่คือ เราสร้างผู้นำองค์กร ซึ่งจำเป็นจะต้องสร้างอีกเยอะเลย มันต้องลงไปถึงระดับรากหญ้า
7. สื่อที่ให้การสนับสนุนด้านสุขภาพ น้อยกว่าสื่อที่สนับสนุนด้านการค้า ความเกรงใจทางด้านธุรกิจเอกชนของรัฐบาลสูงกว่าความกังวลด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนตามเป้าหมาย
8. รัฐบาลยังขาดความเข้มแข็งในการป้องกันโรค แต่ให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจมากกว่า ในขณะเดียวกันธุรกิจบุหรี่ก็อาศัยจุดอ่อนข้อนี้ที่ไม่ต้องการให้มีข้อเรียกร้อง ไม่ต้องการให้มีการเดินขบวน เขาใช้วิธีหาแนวร่วมจากสมาคมที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อต่อต้านเครือข่ายสุขภาพ
9. องค์กรสุขภาพเข้าไม่ถึงรัฐบาล ไม่มีโอกาสให้ข้อมูลทางวิชาการกับรัฐบาล ในเรื่องของธุรกิจบุหรี่ ที่แครือข่ายถูกกีดกัน
10. โครงการมากมายที่ต้องปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน งานจึงไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
จุดแข็ง คือ
1. การรวมตัวกันด้วยใจของนักวิชาการที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์หรือกำไร
2. ประธานเครือข่ายฯ “ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์” มีความเข้มแข็ง ตั้งใจทำงาน หวังผลให้เกิดขึ้นได้จริง และกว้างขวางในหมู่บุคลากร
3. มีการขยายผลเครือข่ายเป็นสมาพันธ์จาก 21 องค์กร เป็น 700 กว่าองค์กร ทำให้มีแนวร่วมมากขึ้น และขยายผลไปยังภายนอกได้
4. มีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (สจย.) แต่ข้อมูลตรงนี้ เราไม่สามารถเข้าถึงผู้บริหารประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำกว่า 700 งานวิจัย ณ เวลานี้เอามาใช้ไม่ได้ เพราะถูกทางด้านธุรกิจขัดขวาง
5. บุคลากรทางเครือข่ายมีความตั้งใจสูงในการทำงาน
นพ.วันชาติ เพิ่มเติมว่า วิธีการดำเนินการให้ความรู้กับประชาชน ที่ทางเครือข่ายฯ พยายามทำถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว เพราะเราเน้นขยายผลสู่ชุมชน ซึ่งกระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพท์ และต้องใช้ความอดทนสูง แต่ในที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่าจะสามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ลงได้ ด้วยความเข้าใจในการดูแลสุขภาพ ด้วยการให้ความรู้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่
“สุดท้ายอยากจะเสนอแนะ ทาง สสส. และเครือข่ายต่างๆ ควรจะต้องเจาะลึกให้ถึงผู้บริหารประเทศได้ทำความเข้าใจ และเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการป้องกันมากกว่าการรักษา เห็นความสำคัญของทรัพยากรบุคคลและสุขภาพของประชาชนของชาติ โดยจะต้องขยายแนวร่วมและทำความเข้าใจช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว เช่น ชาวไร่ยาสูบ เพราะในระยะยาวเมื่อไม่มีคนสูบบุหรี่เขาจะได้รับผลกระทบ ตรงนี้จึงเป็นโจทย์ว่า เราจะทำอย่างไรให้เกิดการช่วยเหลือ ชาวไร่ยาสูบ ซึ่งเป็นการให้ก่อนที่จะได้รับได้หรือไม่ พวกเขาจะได้มีความผูกพันและเป็นมิตรกะเรา ยกตัวอย่างเช่น ไปช่วยเขาในเรื่องเปลี่ยนการปลูกพืชผลต่างๆ การใช้สภาพที่ดิน หรือปลูกพืชทดแทนเพื่อลดแรงต้านในส่วนนั้น”
และสำคัญที่สุด คือเมื่อเรารู้จุดอ่อน ก็แก้จุดอ่อนของเรา
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ เพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ได้ที่ http://www.thpaat.org
เรื่องโดย Team Content www.thaihealth.or.th