‘ผูกเกลอ’23+46เกลอทำงาน3ขาร่วมสร้างงาน-พัฒนาตำบลอยู่ดีมีสุข
ผ่านระยะเวลามากว่า 2 ปี โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การจัดการสุขภาวะชุมชนตำบลท่าข้ามขยายผลสู่เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆหรือที่เรียกว่า พศส. 23 เกลอ ที่ประกอบด้วยอปท.23 แหล่งในจังหวัดพัทลุง ปัตตานี สงขลา นำโดยสินธพ อินทรัตน์ อบต. ท่าข้ามชวน เกลอทุ่งใหญ่น้ำน้อย ทุ่งหวัง ชิงโค รำแดง ฯลฯ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานร่วมกัน บทเรียนเกลอที่เป็นประโยชน์ถูกนามาปรับปรุงพัฒนา จนเกิดเป็นความรู้จากประสบการณ์ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกลอทั้งหมด 7 ระบบ 16 แหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ 6 ตำบล
โดย นายสินธพ อินทรัตน์ ผู้จัดการโครงการพศส.23 เกลอ กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการคือ เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในตำบลต้นแบบและตำบลเครือข่ายที่มีความสามารถจัดการสุขภาวะชุมชนและการพัฒนาหลักสูตร เพื่อพัฒนาเครือข่ายทั้งเชิงประเด็น เชิงพื้นที่ ให้สามารถขับเคลื่อนงานในพื้นที่ของตนได้ และสุดท้าย เพื่อสร้างชุดความรู้สำหรับการขยายผลให้แก่ผู้สนใจและสังคมวงกว้างต่อไป
ซึ่งในปีที่ 3นี้ พศส. 23เกลอเห็นร่วมกันว่า ควรมีการขยายผลเชื่อมเครือข่ายไปยังเพื่อนอปท.ที่สนใจแบบ 1ตำบล ขยายหาเพื่อนผูกเกลออีก 2ตำบล รวมแล้วเป็น 46ตำบล เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพราะเชื่อว่าการมาทำงานกันในรูปเครือข่ายจะสามารถไปสู่การเป็นตำบลจัดการตนเองได้ภายใต้แนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ตำบลสุขภาวะอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนในตำบล
นอกจากนี้ในเวทีเสวนาที่มี 23 เกลอเล่าประสบการณ์ทำงานตำบลของตัวเองในช่วงที่ผ่านมาและมี 46 เกลอมาร่วมแลกเปลี่ยนด้วยเพราะทุกเกลอ ก็มีสิ่งดีๆ ที่ทำอยู่แล้วมาแบ่งปันกัน ดังนี้
เดิน 3 ขา ด้วยการเมืองสมานฉันท์
นายถั่น จุลนวล นายกอบต.ควนรู อ.รัตภูมิจ.สงขลา ได้บอกเล่าความเป็นมาของการเมืองสมานฉันท์ ที่เดินด้วยกัน 3 ขา ท้องที่ ท้องถิ่น ชุมชนโดยต้นทุนเดิมที่ควนรูมีคือ ฐานทรัพยากร วิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์อยู่กับทุ่งนา ลำคลอง ภูเขา มีฐานเครือญาติ มีศาสนาเป็นพื้นที่เชื่อมจิตใจคนเข้าหากัน แต่ปัญหาของที่นี่คือ การเมืองเรื่องการเลือกตั้งที่เข้ามา ทำให้ชาวบ้านทะเลาะจนไม่มองหน้ากัน ญาติพี่น้องมีปัญหากัน จนเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว ทำให้พัฒนาตำบลไม่ได้
กระทั่งมีวงให้ได้มานั่งคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ มีวงคุยกันตามความสนใจในทุกเรื่อง กระทั้งพัฒนาการเมืองให้เป็นเรื่องของทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยก่อนการเลือกตั้งจะมีการคัดเลือกคนผ่านการทำกิจกรรมชุมชน ถึงจะได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งต่างๆ ทำให้การเลือกตั้ง ใครได้รับเลือกจะไม่โกรธกัน แม้จะอยู่คนละทีมก็มาช่วยงานกันได้
การทำงาน 3 ขาในการพัฒนาตำบล โดยมีศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนตำบลควนรู มีสมาชิกจากทุกหมู่บ้าน ที่ทำงานร่วมกัน 13 เครือข่าย บุคคลทุกอาชีพเป็นสมาชิก เป็นหลักในการขับเคลื่อน ที่ทุกเรื่องต้องผ่านวงพูดคุย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกนำมาเป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกับ 23 เกลอช่วงที่ผ่านมา
สร้างสุขด้วยศาสนวิถี
นายอาหมัด หนิเหม นายกอบต.แค อิสลามคือวิถีแห่งชีวิต ดังนั้น อิสลามจึงครอบคลุมทุกเรื่องราวของชีวิต ที่แคมีพี่น้องนับถือศาสนาอิสลามกว่าร้อยละ 90 อบต.แค จึงมาทำงานร่วมกับมัสยิดที่มีทั้ง โรงเรียนเด็กเล็ก ที่มีการสอนภาษาไทยเข้ากับหลักการและประวัติศาสตร์อิสลาม ซึ่งเด็กๆชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่เพียงเท่านั้น ศาสนสถานแห่งนี้กลายเป็นสถานศึกษาในนาม”ศูนย์อบรมคุณธรรมจริยธรรมประจำมัสยิดมะวาย์” ซึ่งทำหน้าที่รองรับยุวชนวัยประถมศึกษากว่าร้อยชีวิต จาก 3 หมู่บ้าน ที่มารวมตัวกันเพื่อศึกษาวิชาการด้านศาสนาจากครูในชุมชน ผู้ที่มีจิตอาสา เพียงเพื่อได้อบรมบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมอิสลามให้แก่ยุวชนรุ่นหลังเพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินชีวิตในฐานะคนดีของสังคม ตอนกลางคืน ไฟทุกดวงของมัสยิดมะวาย์จะถูกเปิดขึ้น เพื่อต้อนรับพี่น้องตำบลแคทุกวัยที่มารวมตัวกันเพื่อปฏิบัติศาสนกิจ และเรียนรู้หลักการศาสนาจาก “โต๊ะครู” หรือผู้รู้ทางศาสนาจากสถาบัน”ปอเนาะ” ที่มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้หลักการอิสลามในชีวิตประจำวัน
ฮัจยีมูฮัมหมัดตัยยีบีย์ บูยูโส๊ะ โต๊ะครูปอเนาะนิติศาสตร์อิสลาม หรือ”เยาะแบ” กล่าวถึงการจัดการศึกษาของปอเนาะว่า”ภารกิจของปอเนาะที่ถือเป็นมรดกตกทอดมาจากโต๊ะครูยุคก่อน คือ การสร้างผู้นำที่ดีให้แก่สังคม ซึ่งถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ชนรุ่นหลังต้องสืบทอดต่อไป”
นอกจากนี้ ยังมีการก่อตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์”อัลกอนาอะห์” เพื่อดำเนินการธุรกรรมทางการเงินที่สอดคล้องกับหลักการของอิสลาม ที่ห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย”อัลกอนาอะห์” จึงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อภารกิจที่จะนำพี่น้องออกจากการเอารัดเอาเปรียบของระบบดอกเบี้ยสู่การค้าขายและสวัสดิการที่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม งานตำบลจัดการตนเองของเกลอ ที่ผ่านมามีฐานสำคัญอยู่ที่กลุ่มกิจกรรมต่างๆที่ทุกตำบลมีอยู่เพื่อตอบประโยชน์สุขของคนในท้องถิ่น ที่มีองค์ประกอบของการร่วมคิดร่วมทำของท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน และส่วนต่างๆ เชื่อมงานเข้ากับเครือข่าย 23+46 เกลอที่กำลังทำงานร่วมกันอยู่ขณะนี้ และตรงนี้เองที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน สิ่งที่เรียกว่า ตำบลจัดการตนเอง
เครือข่ายชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง
“จากสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันการจะหวังพึ่งให้รัฐส่วนกลางเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ถึงระดับตำบล เป็นสิ่งที่ยากและเห็นว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพื้นที่ได้จริงอย่างทันท่วงที เมื่อเป็นเช่นนี้ชุมชนท้องถิ่นจึงมีความสำคัญมาก ในการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของคนท้องถิ่น” นายสมพร ใช้บางยาง ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 (แผนสุขภาวะชุมชน) สสส. กล่าว แล้วร่วมลงนามข้อตกลง (mou)
โดยองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม สำนักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีแนวทางนโยบายร่วมกันในการที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาให้ประชาชนในพื้นที่มีสุขภาพที่ดีทั้งกาย ใจ สังคม และปัญญา ตลอดจนให้มีการพัฒนาชุมชนร่วมกันภายใต้ความเอื้ออาทรต่อกันและการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพื่อที่จะนำสู่ตำบลอยู่ดีมีสุขร่วมกัน ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กับเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้ตกลงจัดทำบันทึกความร่วมมือกันดังต่อไปนี้
ข้อ 1 การสนับสนุนการดำเนินการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนให้มีบทบาทในการมีส่วนร่วมที่จะสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันตลอดจนให้มีผลในทางปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ในการพัฒนาตำบลต้นแบบและตำบลเครือข่ายให้มีความสามารถในการจัดการชุมชนสู่ตำบลสุขภาวะ
ข้อ 2 การที่จะพัฒนาตำบลให้เกิดแหล่งเรียนรู้ที่มีศักยภาพในการถ่ายทอดประสบการณ์ในแต่ละตำบลเครือข่าย และสามารถขยายผลในพื้นที่ของตนเองและเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน เพื่อให้เกิดเครือข่ายผู้นำในการขับเคลื่อนตำบลสุขภาวะตำบล
ข้อ 3 การที่จะสนับสนุนการบริหารจัดการโครงการภายใต้การมีส่วนร่วม ความเอื้ออาทร ความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
ข้อตกลงนี้จะเป็นสัญญาใจร่วมกันของ 69 เกลอ ในการทำงานสร้างตำบลอยู่ดีมีสุขร่วมกันจากนี้ต่อไป ดังที่ ดวงพร เฮงบุณยพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สน.3) ได้ย้ำว่า ใจเราจะถึงใจด้วยการที่เราได้เทใจมาทำงานนี้ร่วมกัน.
“การเมืองสมานฉันท์ ที่เดินด้วยกัน 3 ขา ท้องที่ ท้องถิ่น ชุมชนโดยต้นทุนเดิมที่มีคือ ฐานทรัพยากร วิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์อยู่กับทุ่งนาลำคลอง ภูเขา มีฐานเครือญาติ มีศาสนาเป็นพื้นที่เชื่อมจิตใจคนเข้าหากันแต่ปัญหาคือ การเมืองเรื่องการเลือกตั้งที่เข้ามา ทำให้ชาวบ้านทะเลาะจนไม่มองหน้ากัน ญาติ พี่น้องมีปัญหากัน จนเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่วทำให้พัฒนาตำบลไม่ได้ กระทั่งมีวงให้ได้มานั่งคุยกันอย่างไม่เป็นทางการมีวงคุยกันตามความสนใจในทุกเรื่อง กระทั่งพัฒนาการเมืองให้เป็นเรื่องของทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนการเลือกตั้งจะมีการคัดเลือกคนผ่านการทำกิจกรรมชุมชน ถึงจะได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งต่างๆ ทำให้การเลือกตั้ง ใครไม่ได้รับเลือกจะไม่โกรธกัน แม้จะอยู่คนละทีมก็มาช่วยงานกันได้”
ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย