ผลโพลชุมชนค้าน หากรัฐยอมให้การพนันถูกกฎหมาย
เปิดผลโพลจากผลการสำรวจ 154 เสียงของชาวบ้านใน 3 ชุมชนตัวอย่างที่สามารถจัดการปัญหาพนันได้พบว่าร้อยละ 70 ไม่เห็นด้วย หากรัฐบาลยอมให้การพนันในประเทศเป็นสิ่งถูกกฎหมายโดยมีเหตุผลว่าเด็กและเยาวชนจะเข้าถึงการพนันได้ง่าย ส่งเสริมให้คนงมงายให้คนมีความหวังโดยไม่ทำงานและปลูกฝังนิสัยให้คนนิยมเล่นการพนันมากขึ้น ท้ายที่สุดนำมาซึ่งความเดือดร้อนของสังคม
ส่วนข้อมูลฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่าหากมีการจัดการที่ดีจะช่วยให้หวยใต้ดินหมดไป หรือบางความเห็นมองว่าประเทศสามารถนำเงินรายได้จากุรกิจสีเทามาพัฒนาประเทศได้ ข้อมูลดังกล่าวมาจากผลการสำรวจของโครงการการจัดการความรู้เพื่อขับเคลื่อนสังคมปลอดพนัน ภายใต้มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ในกลุ่มของสมาชิกในชุมชน 53 คน , แกนนำชุมชน 70 คน , เจ้าหน้าที่รัฐ 16 คน และสื่อมวลชนท้องถิ่น 15 คน จากการเวทีภูมิภาคการขยายผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสังคมปลอดพนัน
ชี้ “หวย”ยังครองอันดับหนึ่ง หากเร่งจัดการชุมชนทำได้
หวยยังครองอันดับยอดฮิตและเป็นประเภทการพนันที่ส่งผลกระทบมากที่สุดในชุมชน มีผู้แสดงความคิดเห็นมากกว่าร้อยละ 50 ที่ยอมรับว่าต่อการพนันหวยยังเป็นการพนันที่ระบาดและยังจัดการไม่ได้ นอกจากนี้การมีบ่อนพนันและการเล่นไพ่ในชุมชนเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนเป็นสัดส่วนรองลงมา
ส่วนผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดที่จะจัดการปัญหาการพนันในชุมชนก็คือแกนนำชุมชน ทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ผลสำรวจคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่จะสามารถจัดการปัญหาได้ ส่วนคะแนนของเจ้าหน้าท่ตำรวจมีคะแนนน้อยที่สุดเป็นอันดับสุดท้าย ที่ชาวบ้านคิดว่าจะสามารถจัดการปัญหาการพนันในชุมชนได้
ข้อเสนอร้อยละ 50 ที่ควรมีงบประมาณสนับสนุนให้กับชุมชนที่สามารถจัดการปัญหาการพนันได้ เพื่อการเฝ้าระวังในระยะยาวและร้อยละ 40 เสนอให้มีกฎหมายควบคุมที่มีบทลงโทษอย่างเด็ดขาดและรุนแรง
แกนนำชุมชนจาก 11 ชุมชนตัวอย่างในการจัดการปัญหาพนันได้ จะร่วมเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอนโยบายต่อการจัดการปัญหาการพนันเพื่อเร่งกระจายความรู้ให้กับชุมชนอื่นทั่วประเทศ และวางแผนการกำหนดเป้าหมายต่อการขับเคลื่อนการรณรงค์ต่อไป
ที่มา : สำนักข่าว สสส.