“ปันรัก สร้างสุข” บนเพลงสร้างสรรค์จากคนตาบอด

         เพราะ "ความรัก" ไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะความรู้สึกของคนที่เป็นคู่รักเท่านั้น หากแต่นัยแห่งรักนั้นยังหมายถึงการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ไปยังผู้คนรอบข้างเพื่อให้เกิดความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับอีกด้วย



          ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. จัดกิจกรรม "Share Love: ฟังเพลงรัก" โดย วง Thai Blind Orchestra วงดนตรีผู้พิการทางสายตาวงแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นวงแรกของโลกที่ได้ใช้โน้ตอักษรเบรลล์ ถ่ายทอดผ่านบทเพลงคลาสสิกซิมโฟนี่ โดยมีนักร้องสาวเสียงใสลูกหว้า – พิจิกา จิตตะปุตตะ มาร่วมแต้มสีสันให้บทเพลงรักละมุนขึ้นไปอีกพร้อมด้วย น้องธันย์หรือนางสาวณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ สาวน้อยที่ประสบอุบัติเหตุขาขาดบนสถานีรถไฟฟ้า ประเทศสิงคโปร์ มาร่วมให้แง่คิดดีๆในการใช้ชีวิตอย่างสดใส


          ดร.อลงกต ชูแก้ว ผอ.กองทุนวิจัย และอนุรักษ์ช้างไทย อ.ปากช่องจ. นครราชสีมา ผู้ก่อตั้งวง Thai Blind Orchestra เล่าที่มาของการก่อตั้งวงโดยมีน้องๆ จาก รร.การศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จ.ลพบุรีกว่า 30 ชีวิตร่วมเล่นดนตรีว่า เริ่มต้นจากครูกรกนก ศิริวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้พาน้องๆ ผู้พิการทางสายตาไปเรียนรู้และสัมผัสวิถีธรรมชาติที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และได้มีโอกาสเล่นดนตรีให้พวกเขาฟัง


          "พอเห็นเขาชอบ เลยให้เด็กๆ แต่ละคนเลือกเครื่องดนตรีตามที่ตัวเองชอบซึ่งตอนนั้นความตั้งใจของครูคือ อยากให้เสียงดนตรีทำให้เด็กพิการทางสายตามีความสุข ปรากฎว่า เด็กๆ มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีทั้งการเล่น และการร้องเพลง จึงอยากสนับสนุนต่อ แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นก็คือเครื่องดนตรีแต่ละชนิดนั้นค่อนข้างมีราคาแพง ต่อมาเราเลยช่วยกันประชาสัมพันธ์รับบริจาคเครื่องดนตรีทั้งหมด เพื่อสานฝันของเด็ก จนได้เครื่องดนตรีมาครบ และเริ่มฝึกซ้อมกันในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่ ก.ค. 57  อย่างจริงจัง จนตั้งเป็นวงThai Blind Orchestra ในปัจจุบัน และหวังที่จะผลักดันความสามารถของเด็กเหล่านี้ไปให้ไกลๆ เพราะพวกเขากำลังจะบอกคนทั้งโลกว่าคนตาบอดสามารถทำสิ่งที่พิเศษได้ เพื่อเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนต่อสู้ต่อไป" ดร.อลงกต เล่า


          ด้าน นางกรกนก ศิริวงษ์ ผอ. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จ.ลพบุรี เล่าเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วผู้พิการทางสายตาสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มศักยภาพและทำอะไรได้หลายอย่างขอเพียงแค่ได้รับโอกาสจากทางสังคมเท่านั้น "ครูสนับสนุนให้เด็กๆ ทุกคนได้เรียนรู้จากของจริง และไม่เคยปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็ก แม้รู้ว่าการเดินทางไปซ้อมดนตรีไกลถึง จ.นครราชสีมานั้นค่อนข้างลำบาก แต่ก็พยายามเต็มที่ที่จะผลักดันการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเราอยากให้พวกเขามีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เมื่อมีคนชื่นชมในสิ่งที่ผู้พิการทางสายตาได้ทำนั้น นั่นเป็นคุณค่าและเป็นความภาคภูมิใจของเด็กทุกๆ คนแล้ว"


          จากนั้น นายกฤษณพันธุ์ พูลสุข หรือ เต้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตัวแทนครูพี่เลี้ยงจิตอาสาที่สอนดนตรีและได้จัดทำตำราเรียนโน๊ตอักษรเบรลล์ เพื่อให้เด็กพิการทางสายตาสามารถเรียนและอ่านตัวโน้ตได้เล่าให้ฟังถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้าง Thai Blind Orchestra ว่า ตอนที่น้องมาเข้าค่ายฯ โจทย์ที่ได้รับคือ จะทำอย่างไรให้น้องผู้พิการทางสายตาสามารถเล่นดนตรีได้อย่างมั่นใจ ตอนนั้นจึงพยายามทำตำราเรียนและส่งเสริมให้น้องๆ มีเป้าหมาย ร่วมลองผิดลองถูกจนเป็นที่เข้าใจตรงกันระหว่างคนทำโน้ตกับน้องๆ หลังจากนั้นก็ทำตำราเอสเซนเชียล เอเลเมนต์ 2000 (Essential Elements 2000) ที่เป็นอักษรเบลล์ขึ้น  ให้พวกเขาเรียนรู้และฝึกฝนในหลักสูตรต่างๆ ตามลำดับขั้นตอนเช่นเดียวกับคนสายตาปกติทั่วไป


          ด้าน นายกฤษดา ธัญญวนิชพงศ์ หรือ โจ นักร้องนำและนักดนตรีในวง เล่าถึงความรู้สึกที่ได้เล่นดนตรีว่า รู้สึกดีใจที่มีโอกาสเล่นดนตรี และมีโน้ตอักษรเบลล์ให้เรียน เพราะทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น เมื่อออกไปแสดงในงานต่างๆแล้วมีคนมาดู จะรู้สึกดีใจและภูมิใจ ซึ่งถ้าได้รับโอกาสในการเล่นดนตรีต่อไปก็อยากจะพัฒนาตัวเองเป็นครูสอนดนตรีให้กับคนตาบอดที่ยังขาดโอกาสและพาวงไปเล่นต่างประเทศบ้างให้ได้


          ปิดท้ายกิจกรรมกันที่ นางสาวณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ น้องธันย์ ที่ประสบอุบัติเหตุขาขาดบนสถานีรถไฟฟ้า ประเทศสิงคโปร์เล่าให้ฟังถึงมุมมองแง่บวกหลังสูญเสียขาทั้งสองข้างไปนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนใบเบิกทาง ให้เธอได้พาสองขาเทียมที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ออกไปให้กำลังใจผู้คนพลิกสิ่งร้ายๆ มาเป็นเรื่องดีและสร้างโอกาสในการก้าวเดิน โดยไม่ให้สิ่งแวดล้อมภายนอกเข้ามาบั่นทอนจิตใจ และไม่นำมันมาทำให้เป็นอุปสรรคของชีวิต


          สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับทาง ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.สามารถติดตามได้ที่www.thaihealthcenter.org หรือโทร.08-1731-8270


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

Shares:
QR Code :
QR Code