ปรับแผนพัฒนาคุณภาพเด็ก เน้นดูแลตั้งแต่ในครรภ์
ขจัดปัญหาขาดภูมิคุ้มกัน ผลักดันเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
กรมอนามัย ปรับแผนพัฒนาคุณภาพเด็กไทย เน้นดูแลตั้งแต่ในครรภ์ หวังขจัดปัญหาขาดสารอาหารและภูมิคุ้มกัน พร้อมเดินหน้าผลักดันการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้เด็กไทยมีพัฒนาการเทียบเท่ามาตรฐานสากล หลังพบปัจจุบันยังห่างเกณฑ์มาก
นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้จัดงบประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับดูแลเด็กรุ่นใหม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์เริ่มตั้งแต่ปีนี้ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่สูงทั้งร่างกาย สติปัญญา แข็งแรงทั้งร่ายกายและและจิตใจ
หลังพบตลอดมาเด็กไทยมีปัญหาเรื่องขาดสารอาหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยแต่ละปีจะมีทารกแรกเกิดเกือบ 90,000 ราย น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ จึงมีแนวคิดกระตุ้นพัฒนาการเด็กตั้งแต่ในครรภ์มารดา
โดยกรมอนามัยจะรับฝากครรภ์คุณแม่ทุกคนทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ดูแลให้วิตามินรวม ซึ่งมีสารอาหารสำคัญ ได้แก่ กรดโฟลิก สังกะสี วิตามินเอ แคลเซียม ไอโอดีน กินยาเม็ดธาตุเหล็กและกรดโฟลิก อย่างละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง จนกระทั่งครรภ์ครบกำหนด 9 เดือนฟรี
ซึ่งการได้รับธาตุเหล็กจะลดปัญหาคลอดก่อนกำหนด กรดโฟลิก ช่วยลดความพิการของหลอดประสาท สังกะสีจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เสริมการทำงานของฮอร์โมนช่วยเจริญเติบโต แคลเซียมจะช่วยสร้างกระดูกเด็กในครรภ์ ลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ (toxemia of pregnancy) ส่วนไอโอดีนจะช่วยพัฒนาระบบประสาท ไม่เป็นโรคปัญญาอ่อน ขณะนี้คลินิกฝากครรภ์ในโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งพร้อมให้บริการแล้ว
ทั้งนี้กรมอนามัยจะกระตุ้นอย่างต่อเนื่องเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นด้วย หลังผลสำรวจของยูนิเซฟและสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พบไทยมีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำมาก เพียงร้อยละ 5.6 ทั้งที่รณรงค์ต่อเนื่องมาตลอดปีที่ผ่านมา
และมีการประกาศใช้กระทรวงว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อกำกับผู้ที่ขายนมและอาหารของเด็กไม่ให้โฆษณาจูงใจให้ผู้ปกครองหันไปใช้อาหารเสริมเลี้ยงลูกแทนนมแม่ในช่วง 6 เดือน
ส่วนการดูแลเด็กเล็ก กรมควบคุมโรค ได้เตรียมจัดโครงการป้องกันโรคติดเชื้อในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลด้วย โดยจะนำร่อง 4 จังหวัด คือ เชียงราย พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี เพื่อลดการติดต่อของโรคมือเท้าปาก โรคปอดบวม อุจจาระร่วง ที่เด็กเล็กเป็นกันมากและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน โดยแต่ละปีจะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ป่วยจาก 3 โรคนี้กว่า 1 แสนราย
ซึ่งโครงการนี้จะพัฒนาการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในศูนย์เด็กเล็ก พัฒนาศักยภาพครูพี่เลี้ยง และผลิตนิทานการ์ตูนสอนการป้องกันโรคเป็นครั้งแรกในประเทศ เพื่อให้ครูพี่เลี้ยงใช้ในกิจกรรมดูแลเด็ก รวมทั้งยังมีเพลงเด็กๆ เพื่อแสดงการป้องกันโรคง่ายๆ ปีนี้ผลิต 2,000 เล่ม หากประเมินผลแล้วได้ผลดี ก็จะขยายผลทั่วประเทศต่อไป
ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
update 08-01-52