ปภ.แนะวิธีทำงานปลอดภัย

เมื่ออยู่ในที่อับอากาศ

       

ปภ.แนะวิธีทำงานปลอดภัย

         เป็นข่าวใหญ่ ข่าวดังที่ทั่วโลกให้ความสนใจกับข่าวเหมืองใต้ดินถล่มที่ชิลี และสามารถช่วยชีวิตคนงานเหมืองทั้ง 33 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

 

            โดยในเมืองไทยจะมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด และจะมีวิธีปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อต้องอยู่ในสถานที่อับอากาศ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.มีคำแนะนำมานำเสนอให้ฟัง โดยนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทำงานในสถานที่อับอากาศของประเทศไทย เช่น การทำงานในท่อขนาดใหญ่ ห้องใต้ดิน อุโมงค์ เป็นต้น เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยส่วนมากมักเกิดขึ้นภายในโรงงานอุตสาหกรรม โดยข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา ระบุว่า ระหว่างปี 2546-2549 มีอุบัติเหตุจากการทำงานในสถานที่อับอากาศ 8 ครั้ง โดยเกิดในโรงงานอุตสาหกรรม 7 ครั้ง และบ่อน้ำบริเวณทุ่งนา 1 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 24 ราย ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ อุบัติเหตุจากการทำงานในโรงสีข้าว จังหวัดกำแพงเพชร โดยมีคนงานเสียชีวิตขณะลงไปทำความสะอาดในหลุมกระพ้อข้าวที่มีความลึก 3.5  เมตร ปากหลุมกว้างเพียง 0.5-1 เมตร จากนั้นคนงานพร้อมหน่วยกู้ภัยรวม 7 คนได้ลงไปช่วย แต่ก็เสียชีวิตไปด้วย รวมเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย

         

         ทั้งนี้ สถานที่อับอากาศ คือ สถานที่ที่มีการระบายอากาศตามธรรมชาติไม่เพียงพอ ทำให้อากาศที่อยู่ภายในไม่ถ่ายเท มีทางเข้าออกจำกัด ซึ่งอาจเป็นที่สะสมของสารเคมีเป็นพิษ สารไวไฟ รวมถึงปริมาณออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับอันตรายจากการขาดอากาศหายใจ การระเบิดของสารเคมีและกลิ่นของสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจจนถึงขั้นเสียชีวิต

 

          ส่วนอันตรายที่เกิดจากการทำงานในสถานที่อับอากาศ โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถแบ่งออกเป็น 4 สาเหตุใหญ่ ได้แก่ 1. การขาดออกซิเจน ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในการทำงานในสถานที่อับอากาศมากที่สุด โดยร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิต เกิดจากการขาดออกซิเจน 2. การเกิดไฟไหม้ การระเบิด และความความร้อน โดยในสถานที่อับอากาศสามารถเกิดประกายไฟได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การเกิดไฟฟ้าช็อต การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ป้องกันการเกิดประกายไฟ การขัด การสูบบุหรี่ และการเชื่อมโลหะ เป็นต้น 3. การสัมผัสสารพิษ ก๊าซ ฝุ่น ที่มีค่าความเข้มข้นที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และ 4. การจมน้ำหรือตกลงไปในถังที่มีสารเคมีเหลว เพื่อความปลอดภัยในการทำงานในสถานที่อับอากาศ 

 

          ดังนั้นโดยก่อนเกิดภัย ควรจัดให้มีผู้ควบคุมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานในสถานที่อับอากาศ , ทำการระบายหรือถ่ายเทอากาศให้สถานที่อับอากาศอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย พร้อมตรวจสอบปริมาณออกซิเจนและสารเคมีปนเปื้อนที่อาจทำให้เกิดการขาดออกซิเจน การระเบิด หรือเป็นสารพิษ รวมทั้งทำการปรับปรุงแก้ไขค่าออกซิเจนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยทุกครั้ง, ติดป้ายแจ้งเตือนข้อบังคับและข้อควรปฏิบัติในจุดที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามทำให้เกิดประกายไฟ เป็นต้น , วางแผนการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงตรวจตราอุปกรณ์ในการทำงานและอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 

          ส่วนขณะปฏิบัติงาน ควรมีการควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงานใช้อุปกรณ์นิรภัยและอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เข็มขัดนิรภัย สายชูชีพ เชือก รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพการทำงาน, ตรวจสอบสภาพอากาศเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน หากพบว่าสภาพอากาศอยู่ในค่าอันตราย ให้ขจัดหรือระบายอากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย , หากจำเป็นต้องดำเนินการตัดเชื่อม เจาะ หรือประกอบกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟ ต้องกำหนดมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม, สวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่ปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศ เช่น หมวกนิรภัย รองเท้าหนังหัวโลหะ ถุงมือ เข็มขัดนิรภัย หน้ากากนิรภัย เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ที่ปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศ ควรผ่านการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงานในสถานที่อับอากาศ

 

          และในขณะที่ปฏิบัติงานควรมีผู้ปฏิบัติงานอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ประกอบด้วย ผู้ที่ลงไปปฏิบัติงาน , ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณปากทางเข้า-ออก ซึ่งควรมีทักษะการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานที่อับอากาศ  และผู้ที่ทำหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่บริเวณรอบนอก หากพบความผิดปกติจะได้ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และที่สำคัญควรตรวจสอบสภาพอากาศเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน หากพบว่าสภาพอากาศอยู่ในค่าอันตราย ให้รีบระบายอากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยทันที พร้อมทั้งหยุดการทำงานชั่วคราว และออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

 

 

 

 

 

ที่มา : สุนันทา สุขสุมิตร teamcontent www.thaihealth.or.th

 

 

 

 

update : 16-10-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code