บรรยากาศ
31 ธันวาคมที่ผ่านมา สายตาหลายคู่จดจ้องไปที่ภาพข่าว และประมวลภาพของบรรยากาศการทำพิธีมหามงคล สวดมนต์ข้ามปี ที่ลานท้องสนามหลวง ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก หลังจากที่ปีก่อนๆ นั้นการสวดมนต์ข้ามปีจะจัดขึ้นในวัดแต่ละแห่งเป็นการภายในเท่านั้น
ปี 2554 ถือเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา และมีปีศักราชใหม่ 2555 นั้นเป็นปีแห่งพุทธชยันตี หมายถึง ปีครบรอบการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นเวลา 2,600 ปี ด้วยวาระอันเป็นมงคลทั้งสองเวียนมาบรรจบในปี และในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จึงได้จัดให้มีพิธีสวดมนต์ข้ามปีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อถวายผลบุญกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
บรรยากาศในงานวันนั้น มีประชาชนมากมายจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันเข้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งอากาศเย็นสบายของฤดูหนาวก็เป็นใจให้พิธีการสวดมนต์เป็นไปอย่างราบรื่น สงบ และสบาย เริ่มต้นจากเด็กๆ จากโรงเรียนต่างๆ ร่วมกันสวดทำนองสรภัญญะบนเวที เป็นการขับกล่อมผู้ที่เข้าร่วมงานในช่วงเย็น ก่อนที่จะมีการนำประชาชนนับแสนคนที่พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีขาว และชุดสีสุภาพมาร่วมงานสวดมนต์ในเวลาประมาณ 19.00 น.
โดยไฮไลต์ของงาน นอกจะเป็นการสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแล้ว ในงานยังอัญเชิญองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะในวัดอารามสำคัญๆ ของประเทศ มาให้ประชาชนสักการะด้วย อย่างเช่น พระพุทธนวราชบพิตร พระพุทธโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม และยังมีพระภิกษุจากวัดอีกกว่า 40 แห่งประพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ร่วมงานด้วย
ผู้ที่เข้าร่วมงานนี้ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ความอิ่มเอม อิ่มอกอิ่มใจ กลับบ้านในวันนั้น เช่น ป้าตองพูน พงศ์พิพัฒน์ อายุ 70 ปี ที่ปวารณาตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ยึดมั่นในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า รักการสวดมนต์ และทำสมาธิให้จิตใจปลอดโปร่งเพื่อรักษาโรคที่รุมเร้ามาหลายปี ปรากฏว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ป้าตองพูนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เพราะได้ทราบข่าวการประชาสัมพันธ์และสนใจ นอกจากนั้นยังชักชวนเพื่อนสนิทมาสวดมนต์ด้วยกันอีกด้วย
ด.ญ.กณิดา มนต์ทอง อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสุวรรณภูมิ บอกว่า คุณแม่เป็นผู้ปลูกฝังวินัยในการปฏิบัติตนตามหลักศาสนาพุทธ ในเรื่องกิจปฏิบัติต่างๆ เช่นการสวดมนต์?และนั่งสมาธินั้นเธอจะทำเป็นประจำ ซึ่งแม้จะเป็นช่วงวัยรุ่นที่มักจะชอบการสังสรรค์ และเที่ยวกับเพื่อนฝูง แต่เธอก็ไม่รู้สึกเบื่อ และเคยชินกับการปฏิบัติธรรม
“คุณแม่ชวนมาร่วมสวดมนต์ค่ะ เพราะปกติพอมีเวลาว่างก็จะสวดพร้อมกับแม่ หลังเลิกเรียน ชอบสวดมนต์ คุณแม่จะพาทำแต่เด็กจนเป็นความเคยชิน พอเราได้ทำแล้วก็รู้สึกดีในการทำสมาธิ มีสมาธิเวลาเรียนหนังสือ สวดครั้งหนึ่งก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาหลังเลิกเรียนหรือวันที่ไม่ได้เรียนพิเศษ ก็อยากให้ทุกคนฝึกกันเยอะๆ แม้แรกๆ จะรู้สึกอึดอัดมาก โดยเฉพาะนั่งสมาธิ นั่งนานๆ ก็จะเมื่อย มีแอบขี้เกียจบ้าง แต่พอทำบ่อยเข้า ก็เกิดเป็นความเคยชินจนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต หากวันไหนไม่มีเวลาจะนั่งสวดมนต์ก็จะเน้นการสวดก่อนนอนในทุกคืน” ด.ญ.กณิดา กล่าว
ในขณะที่ ธีรพงษ์ ประดับวงษ์ อายุ 20 ปี บอกว่า ตนเองเป็นคนไม่เข้าวัดฟังธรรม แต่เนื่องจากชีวิตช่วงที่ผ่านมาพบเจอกับอุปสรรคเป็นอย่างมาก จึงลองหันมาใช้เวลาช่วงวัยหยุดข้ามปี จากแต่เดิมที่จะต้องไปเที่ยวสถานบันเทิงเพื่อเคาท์ดาวน์กับเพื่อนฝูง แต่ในปีนี้ลองเปลี่ยนหันมาสวดมนต์พร้อมกับพุทธศาสนิกชนในท้องสนามหลวง และหวังว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่สดใส เต็มไปด้วยใจที่อิ่มบุญ
“ผมรู้สึกว่าปีที่แล้วผมเจอแต่เรื่องไม่ดีเยอะ จึงอยากลองดูว่าการสวดมนต์จะดีกับตนอย่างไร เพราะที่ผ่านๆ มา ผมก็ไปเที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนตามผับ บาร์ เลยอยากลองใช้ปีนี้เสริมสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตดู เผื่อจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น และคิดว่าทำแล้วมันอิ่มใจ ปีหน้าถ้าจัดอีกผมก็ว่าจะมาอีกครับ” ธีรพงษ์ บอก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมมหามงคลในปีนี้ คลื่นเสียงธรรมที่เป็นเสียงอันไพเราะทั่วท้องสนามหลวงที่ดังก้องขึ้นในช่วงข้ามคืนปีใหม่ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนทั้งหลายในที่นั้นสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของบุญกุศลที่ก่อเกิด และหลายคนมีกำลังใจในการก้าวเดินหน้าในปีนี้อย่างกล้าหาญและท้าทาย แม้เราจะผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาเมื่อปีที่แล้วก็ตาม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก.. www.thaihealth.or.th
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ