นำร่อง 112 โรงเรียนต้นแบบ การจัดการอาหารในโรงเรียน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
สสส.นำร่อง 50 จังหวัด 112 โรงเรียนต้นแบบการจัดการอาหารในโรงเรียน ดึงการจัดการ 5 ด้านยกระดับอาหารคุณภาพในโรงเรียน หลังพบอาหารกลางวันส่วนใหญ่สารอาหารไม่เพียงพอตามมาตรฐาน โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินเอ ที่ส่งผลต่อสมอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สั่งการท้องถิ่นทั่วประเทศเมนูอาหารกลางวันต้องได้คุณภาพ เล็งตั้งกรรมการตรวจรับจาก 3 ภาคส่วนคุมคุณภาพ
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดงานต้นแบบการจัดการอาหารในโรงเรียน พร้อมกับพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเด็กไทยแก้มใส ถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ จำนวน 112 แห่ง
รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า จากการสุ่มประเมินคุณภาพอาหารกลางวันโรงเรียน โดยโครงการเด็กไทยแก้มใส พบว่า อาหารกลางวันในโรงเรียนส่วนใหญ่มีปริมาณสารอาหารไม่เพียงพอตามมาตรฐานที่เด็กไทยควรได้รับต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินเอ ใยอาหาร และแคลเซียม ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง นั่นเป็นเพราะครูขาดความรู้ด้านโภชนาการ ระบบจัดซื้อในโรงเรียนเน้นราคาถูก ขาดการกำหนดคุณภาพ ขาดการจัดการงบอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาส งบอาหารจึงถูกแบ่งให้ทั้งเด็กประถมและมัธยม ซึ่งนักเรียนมัธยมมีความต้องการมากกว่าประถม 1.5 เท่า
รศ.นพ.ปัญญา กล่าวว่า รูปแบบการจัดการอาหารในโรงเรียน ซึ่งสสส.ร่วมกับ 4 กระทรวงหลักและภาคีเครือข่าย ทดลองนำร่องในโรงเรียน 50 จังหวัด ในสังกัดสพฐ. อปท. และกทม. มีรูปแบบการจัดการ 5 ด้านคือ 1. การเกษตรในโรงเรียนที่เชื่อมโยงกับเกษตรชุมชน 2.ระบบสหกรณ์นักเรียนในการเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ 3. การจัดบริการอาหารกลางวันคุณภาพ โดยมีโปรแกรมแนะนำการจัดสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียน หรือ Thai school lunch โดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และเนคเทค ร่วมพัฒนาโปรแกรม เพื่อเป็นตัวช่วยให้การจัดอาหารกลางวันถูกหลักโภชนา ภายใต้งบประมาณที่จำกัด 4. การเฝ้าระวังติดตามภาวะโภชนาการของนักเรียนที่เกินและขาดเป็นรายบุคคล 5. การจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงทั้งการเกษตร โภชนาการ และสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพที่ดี ฉลาดเลือก ฉลาดบริโภค ทั้งนี้ สสส.กำลังพัฒนาระบบการจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนที่ครอบคลุมตั้งแต่มาตรฐานการจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียน การจัดปัจจัยแวดล้อมในโรงเรียน และการติดตามประเมินผล ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับสพฐ. และท้องถิ่นร่วมกัน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า รูปแบบการจัดการอาหารในโรงเรียนของศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเด็กไทยแก้มใสที่สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่ายเป็นการจัดการที่ตอบโจทย์อาหารในโรงเรียนให้มีคุณภาพ โดยดึงการมีส่วนร่วมจากคนในโรงเรียนและในชุมชนเพื่อนำวัตถุดิบในพื้นที่มาใช้จัดบริการอาหารแก่เด็กนักเรียน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีผ่านโปรแกรม Thai school lunch มาช่วยออกแบบเมนูอาหารกลางวันเพื่อช่วยกำกับดูแลให้ทุกมื้ออาหารเด็กในโรงเรียนได้รับคุณค่าทางโภชนาการ และเพื่อความต่อเนื่องในการดูแลคุณค่าทางโภชนาการอาหารกลางวันของนักเรียน ป้องกันผู้แสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณค่าอาหารกลางวัน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับมาตรการ โดยยึด 4 หลักดังนี้ 1. เมนูอาหารกลางวันต้องได้คุณภาพ โดยให้พิจารณานำระบบ Thai School Lunch เป็นตัวช่วยแนะนำเมนูอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการ และวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารกลางวันต้องมีความปลอดภัย 2. ความโปร่งใส เสริมสร้างการมีส่วนร่วม ป้องกันการทุจริตงบประมาณค่าอาหารกลางวัน โดยให้ปิดประกาศรายการอาหารและจำนวนหรือปริมาตรวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร รวมถึงสารอาหารเฉลี่ยให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้รับทราบ
3. การกำกับดูแล เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจึงกำหนดให้แต่งตั้งคณะทำงานสุ่มตรวจคุณภาพและการบริหารจัดการอาหารกลางวันในโรงเรียน ในกรณีที่สถานศึกษามีการจ้างเหมา ควรมีกรรมการตรวจการจ้างและตรวจรับจาก 3 ภาคส่วน ทั้งจากกรรมการสถานศึกษาที่มาจากผู้ปกครอง ตัวแทนจากท้องถิ่น และตัวแทนจากสถานศึกษา และ 4. การเฝ้าระวัง ติดตามภาวะโภชนาการของนักเรียน เพื่อช่วยป้องกันการขาดสารอาหารแก่เด็กที่ผอม และเด็กอ้วนที่มีน้ำมากเกินเกณฑ์ สำหรับท้องถิ่นหรือโรงเรียนใดที่มีความพร้อมก็ให้กองการศึกษาของเทศบาล และ อบต.ที่ดูแลพื้นที่ นั้นๆ จัดให้มีนักโภชนาการท้องถิ่น หรือครูโภชนาการมาช่วยดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานอาหารและโภชนาการ ส่งเสริมการศึกษาของเด็กปฐมวัยและเด็กวัยเรียน ได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิผลมากที่สุด ซึ่งภายใน 2 เดือน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะทำความร่วมมือกับ สสส. และ หน่วยงานภาคี เพื่อวางแผนการขับเคลื่อนและการส่งเสริมติดตามอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป กำหนดเป้าหมายการพัฒนาทั่วประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยภายในปี 2563 ให้เกิดท้องถิ่นต้นแบบการจัดการอาหารโรงเรียนอย่างครบวงจร อย่างน้อยจังหวัดละ 5 องค์กรท้องถิ่น