นวัตกรรมใหม่รักษามะเร็งสมอง
มหาวิทยาลัยมหิดลเผยความคืบหน้าวิจัยนวัตกรรมระบบส่งยารักษามะเร็งสมองได้แม่นยำ ตรงจุด ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะรอบข้าง คาดภายใน 3 ปี สามารถใช้ได้จริงกับผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายจากเดิมกว่า 5 เท่า
รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล แถลงเรื่อง “ความก้าวหน้าผลการรักษามะเร็งในเด็กและนวัตกรรมระบบส่งยามะเร็ง” ว่า ปัจจุบันการเกิดโรคมะเร็งในเด็กมีอัตราสูงขึ้น และมักเกิดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5ขวบ โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 1,000-1,500 รายต่อปี ในจำนวนนี้คิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 30% เนื้องอกในสมอง 20% มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 20% มะเร็งต่อมหมวกไต 10% อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 80%เพราะเซลล์ของเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม จึงสามารถตอบสนองได้ดีกว่าการรักษาในผู้ใหญ่
ทั้งนี้ การรักษาโรคมะเร็งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น 1.การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก 2.การใช้เคมีบำบัด 3.การใช้รังสีบำบัดและ 4.การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต อย่างไรก็ตามถึงแม้ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งจะสามารถทำได้หลายวิธี แต่มะเร็งในสมองเป็นมะเร็งที่รักษาได้ยากที่สุด
“มะเร็งที่หายขาดได้ยากคือเนื้องอกในสมองเด็ก โอกาสหายมีเพียง 30-60% ถือว่ายังไม่ดีเลย” รศ.นพ.สุรเดชกล่าว
ด้าน ดร.นรเศรษฐ์ ณ สงขลา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับทีม แพทย์ รพ.รามาธิบดี พัฒนาระบบส่งยามะเร็งที่สามารถฉีดเข้าสู่ก้อนเนื้อมะเร็งในปริมาณที่ต้องการ เพื่อทำลายก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรง เป็นการรักษาที่ตรงจุด (intratumoral implantation) และไม่ทำลายเซลล์ หรืออวัยวะอื่นบริเวณใกล้เคียง
โดยการนำเอาสารโพลิเมอร์ที่ใช้เฉพาะกับคน ที่มีคุณสมบัติเป็นเจลซึ่งจะแข็งตัวภายในโดยรอบก้อนมะเร็งและไม่เป็นอันตรายต่อสมอง ผสมกับยารักษามะเร็ง (เอสเอ็น-38) ในเข็มฉีดยา แล้วฉีดลงไปในบริเวณโพรงสมอง ตัวยาจะซึมเข้าไปในจุดก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง และออกฤทธิ์ต่อการเจริญเติบโตของก้อนมะเร็ง และสามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
ขั้นตอนดังกล่าวยังอยู่ในขั้น ทดลองกับสัตว์ โดยมีระยะเวลาใน การศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 2552-2554 ซึ่งประมาณปลายปีนี้จะได้ผลการทด ลองออกมา ทั้งนี้ คาดว่าประมาณ 2-3 ปี อาจจะสามารถพัฒนาให้ใช้กับคนได้ นอกจากนี้การวิจัยดังกล่าวยังเหลืออีก 2 ขั้นตอน คือ การวิจัยกับสัตว์ทดลองในระดับต่อไปอีกประมาณ 3 ปี และจากนั้นจึงเริ่มการทดลองกับผู้ป่วยจริงอีก 3 ปี โดยทั้งหมดจะใช้งบประมาณศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประมาณ 10 ล้านบาท
“หากผลการวิจัยนี้สำเร็จและสามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้จริง ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายโรคมะเร็งในสมองลงเกือบ 5เท่า ซึ่งปัจจุบันการรักษามะเร็งในสมองราคาประมาณ 1 ล้านบาท” ดร.นรเศรษฐ์กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์