“นมแม่” อาหารสุดยอดคุณค่าที่หาซื้อไม่ได้
“ไม่มีนมผงยี่ห้อใดสามารถสกัดเอาฮอร์โมนความรักที่แม่มีต่อลูกออกมาบรรจุกระป๋องขายได้” กรอบแนวคิดนี้เป็นเครื่องยืนยันได้ ว่าในน้ำนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารกว่า 200 ชนิดที่จะช่วยเสริมสร้างร่างกายแข็งแกร่งให้กับลูกแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดเสียไม่ได้คือสายใยเล็กๆ ที่คล้องใจคนสองคนเข้าไว้ด้วยกันที่นมผงไม่มีขาย
เนื่องในโอกาสสัปดาห์นมแม่โลกที่ตรงกับวันที่ 1-7 สิงหาคม ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดกิจกรรม Flash Mob หรือฝูงชนชั่วพริบตา เดินขบวนรณรงค์สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ “คุณพ่อขอมา…(ให้นมลูกเอง)” เพื่อกระตุ้นให้สาวออฟฟิศหันมาสนใจและให้ความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตลอด 6 เดือน
พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมได้ครบ 6 เดือนนั้นเป็นเพราะแม่ทำงาน และจากการตลาดของนมผสมที่มีข้อตกลงระหว่างบริษัทนมและกรมอนามัย ที่พยายามทำข้อตกลงเรื่องการลดแลกแจกแถมนมในนมผงก็มีบริษัทที่เข้ามาทำข้อตกลงน้อย จึงทำให้ลูกไม่สามารถกินนมแม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถเพิ่มไอคิวในสมองของเด็กได้ เพราะจากการสัมผัสระหว่างลูกดูดนมแม่ จะเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก เป็นส่วนกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของสมอง และเกิดความผูกพันระหว่างแม่และลูก ซึ่งหากมีคุณพ่อมาช่วยดูแลลูกก็จะเกิดเป็นสายใยรักได้อย่างดี ทั้งนี้ กรมอนามัยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีให้มีการลาคลอดได้เป็น 6 เดือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด
ด้าน นายสง่า ดามาพงษ์ ประธานคณะกรรมการสื่อสารนมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ศูนย์นมแม่ฯ ได้พยายามรณรงค์กระตุ้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตลอด 6 เดือน มาเป็นเวลากว่า 20 ปี พบว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีเพิ่มขึ้น แต่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตลอด 6 เดือนนั้นยังไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก ซึ่งเรากำลังพยายามรณรงค์ให้เกิดผลที่มากขึ้น โดยจะพบว่าแม่ส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านจึงเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ลูกได้รับนมแม่ ดังนั้น ทางศูนย์นมแม่ฯ จึงร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมารณรงค์ให้หญิงทำงานนอกบ้านหันมาใส่ใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น โดยใช้กลวิธีต่างๆ เช่น ส่งเสริมหญิงทำงานนอกบ้านลาคลอดให้ได้ครบ 3 เดือนตามกฎหมาย และได้รับค่าตอบแทนอย่างเต็มที่
นอกจากนี้อยากฝากถึงประเด็นที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้พ่อสามารถลาคลอดพร้อมกับภรรยาที่ลาคลอดเพื่อช่วยเลี้ยงลูกนั้น กระบวนการขั้นตอนการออกกฎหมายมีความคืบหน้าอย่างไร โดยอยากให้ทำเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง พร้อมกันนี้พยายามส่งเสริมให้สถานประกอบการหันมาส่งเสริมให้มีมุมนมแม่เกิดขึ้นภายในสำนักงาน เพื่อให้แม่บีบนมใส่ขวดไว้ในช่วงพักก่อนจะนำไปให้ลูกกินเมื่อกลับบ้าน เพื่อให้ลูกได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามอยากสนับสนุนให้สถานประกอบการเอกชนจัดตั้งสถานที่รับเลี้ยงเด็กในสถานที่ทำงาน เพื่อให้แม่เมื่อครบวันลาคลอดอุ้มลูกมาฝากไว้ที่ทำงานได้ด้วย และส่งนมลูกในระหว่างวัน
“อาจจะมีคำถามว่าทำไมเราต้องรณรงค์ให้กินนมแม่ถึง 6 เดือนและห้ามแม้กระทั่งน้ำ เพราะเราพบว่าการให้ลูกกินน้ำก่อนอายุ 6 เดือนจะทำให้เด็กกินนมแม่น้อยลง ขณะที่ในน้ำนมแม่มีน้ำอยู่ถึง 87% ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับลูกไม่จำเป็นต้องกินน้ำก็ได้ โดยเหตุผลทางโภชนาการที่เด็กควรกินนมแม่อย่างเดียว เป็นเวลา 6 เดือนนั้น เพราะว่าใน 6 เดือนแรกกระเพาะของเด็กไม่พร้อมที่จะย่อยอาหาร นอกจากนมแม่ , นมแม่มีสารอาหารที่พอเหมาะสำหรับลูก , การให้อาหารอื่นอาจทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยลง เช่น เกิดโรคภูมิแพ้ เป็นต้น และที่สำคัญหากน้ำไม่สะอาดอาจเกิดโรคติดเชื้อได้ ทั้งนี้ในน้ำนมแม่มีสารอาหารถึง 200 ชนิดทำให้กลไกการย่อยและดูดซึมของเด็กทำงานได้ดีขึ้น ณ วันนี้ยังไม่มีนมผสมยี่ห้อใดที่จะมีสารอาหารที่ครบถ้วนพอเหมาะเหมือนนมแม่ ที่สำคัญสารอาหารที่ได้จากนมแม่คือสารแห่งความรัก หรือฮอร์โมนออฟเลิฟ มันจะหลั่งออกมา ซึ่งมีเฉพาะในนมแม่เท่านั้น ซึ่งเมื่อหลั่งออกมาแล้วจะทำให้เกิดความผูกพันระหว่างแม่และลูก”นายสง่า กล่าว
นอกจากนี้เรายังเห็นตลาดนมผงมีการโฆษณาว่าช่วยพัฒนาการของเด็กนั้น นายสง่า ชี้แจงว่า ขณะนี้ตลาดนมผสม หรืออาหารทดแทนนมแม่ออกมาโฆษณาอย่างรุนแรง จึงอยากให้ผู้บริโภคใส่ใจนิดหนึ่งว่าการเติมอะไรก็แล้วแต่ เช่น มีการโฆษณาว่าเติมดีเอชเอ พีดีเอ คลอรีนแล้วทำให้ลูกฉลาด ต้องฟังหูไว้หู เพราะไม่มีสารอาหารตัวใดตัวหนึ่งที่เติมเข้าไปในนมผสมแล้วร่างกายของเด็กจะนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ การที่ร่างกายของเด็กจะนำสารอาหารตัวใดตัวหนึ่งไปใช้ได้อย่างเต็มที่นั้น จะต้องมีสารอาหารหลายๆ ตัวมาทำงานควบคู่กันไป โดยปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายห้ามการโฆษณาอย่างชัดเจน มีเพียงเป็นข้อตกลงการผลิตและจำหน่ายอาหารทดแทนนมแม่ โดยขณะนี้จะพบการฝ่าฝืนกันมาก เช่น ปลอมเป็นญาติและนำนมผงไปแจกให้กับแม่พึ่งคลอด หรือเข้าไปโน้มน้าวให้กับหญิงในสถานประกอบการ เป็นต้น
ด้านแกนนำพ่อแม่อาสา อย่าง นายธีรพงศ์ ผลวิวัฒน์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การลาออกจากงานเพื่อไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ลาออกจากงานมาช่วยภรรยาเลี้ยงลูก เพราะพ่อถือเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาก โดยระหว่างที่แม่ให้นมลูก พ่อก็จะสามารถช่วยทำงานอื่นๆ แทนแม่ได้ ทำให้แม่ไม่เครียด และให้นมลูกได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ลูกแข็งแรง เห็นได้จากประสบการณ์ของลูกคนแรกของตนไม่ค่อยได้ให้นมแม่ เพราะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้มากนัก ทำให้ป่วยบ่อย ไม่แข็งแรงเหมือนลูกคนที่สองที่ให้นมแม่อย่างเดียว
“ลูกคนแรกของผม ตอนคลอดออกมาลูกก็กินนมขวดตั้งแต่เกิด ลูกคนแรกกินนมแม่ได้แค่ 2 เดือนเอง ยังจำได้ว่าตอนที่ภรรยาผมบีบนมออกมาได้ช้อนเดียว ช้อนสุดท้ายจะทิ้งก็ไม่ได้ ต้องรีบวิ่งเอาไปให้ลูกกิน หลังจากนั้นพอรู้จักศูนย์นมแม่ฯ ก็ทำให้เปลี่ยนใหม่ โดยลูกคนที่สองก็กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน และผลก็ออกมาแตกต่างกันอย่างมาก ลูกคนโตเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เล็ก ตอนยังไม่ได้ขวบก็เป็นไข้สูงและชักเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็จะชักมาประมาณ 3-4 ครั้ง ขณะที่ลูกชายคนเล็กแข็งแรงมาก หวัดก็ไม่เคยเป็น ขณะที่คนอื่นเป็นกันทั้งบ้าน”นายธีรพงศ์กล่าว
คงจะพอมองเห็นแล้วว่าประโยชน์ของนมแม่มีมากพอที่ลูกคนหนึ่งจะพึงระลึกถึงพระคุณของ “นมแม่” เพราะบุญคุณนี้ทดแทนเท่าไหร่ก็ไม่หมด ยังไม่นับจากความผูกพันและสายใยระหว่างแม่และลูกที่สั่งสมมาเป็นความรักที่กลั่นจากเลือดในอกนั่นเอง
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th