นมแม่ ช่วยเพิ่มผลลัพธิ์ทางธุรกิจ
การจัดตั้ง ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตด้วยมุมนมแม่ ภายในสถานประกอบการ จะเป็นการยกระดับการสร้างสวัสดิการสำหรับพนักงานภายในองค์กรเอกชนด้วยการส่งผลดี ต่อพนักงาน และองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย องค์การอนามัยโลกประเทศไทย จัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพสตรีวัยทำงานและครอบครัว จัดงาน “สร้างงานดี ชีวีมีสุข ด้วยนมแม่” ภายใต้โครงการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตสตรีวัยทำงานและครอบครัว หนุนเสริมให้สถานประกอบการและภาคเอกชนเพิ่มผลลัพธิ์ทางธุรกิจ ด้วยการสร้างสรรค์ “ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตด้วยมุมนมแม่” ภายในองค์กร ในวันที่ 18 มิถุนายน 2557 เวลา 09.00 – 12.00 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ
แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตสตรีวัยทำงานและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของหญิงทำงานให้มีสวัสดิการมุมนมแม่ ซึ่งผลลัพธิ์ปลายทางของการจัดทำมุมนมแม่ภายในองค์กร ช่วยขยายผลทางธุรกิจของภาคเอกชน ด้วยการลดอัตราการลาออกของพนักงาน ลดอัตราการลางาน ลดค่าใช้จ่ายการเบิกค่ารักษาพยาบาล ตลอดจนเพิ่มความจงรักภักดี และทัศนคติที่ดีของพนักงานในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
“ภายในงานสร้างงานดี ชีวีมีสุข ด้วยนมแม่ ได้เชิญบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล มากกว่า 100 แห่งเข้าร่วมงาน เพื่อรับรู้ถึงผลสำเร็จของโครงการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตสตรีวัยทำงานและครอบครัว และงานเสวนาเรื่อง “สร้างงานดี ชีวีมีสุข” (ด้วยนมแม่) ได้อย่างไร” แพทย์หญิงศิริพร กล่าว
สำหรับงานสวนา เรื่อง “สร้างงานดี ชีวีมีสุข” (ด้วยนมแม่) ได้อย่างไร? วิทยากร ได้แก่ คุณอุดม เสถียรภาพพงษ์ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ฯ, คุณอนุรักษ์ นภาวรรณ ผู้จัดการ บริษัท อินทราเซรามิค จำกัด, คุณนันท์นภัส เสรีติวรโชติ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เดลต้าอิเล็กโทรนิกส์ฯ จำกัด, คุณภสธารีย์ จิตธนสิทธิ์ ประธานแม่อาสา บริษัท สยามเดนโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง และ แพทย์หญิงยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
คอนเซ็ปต์ของการจัดงาน “สร้างงานดี ชีวีมีสุข” (ด้วยนมแม่) เพื่อไขคำตอบว่า การจัดตั้งมุมนมแม่จะสร้างผลลัพธิ์ทางธุรกิจได้อย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้ การจัดทำมุมนมแม่ในองค์กรต่างๆ ได้ขยายผลให้เป็น “ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตด้วยมุมนมแม่” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของหญิงทำงาน ซึ่งเป็นแรงงานหลักในภาคอุตสาหกรรม เมื่อคุณภาพชีวิตของหญิงทำงานได้รับการเอาใจใส่และพัฒนาสูงขึ้น จะส่งผลให้คุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ เครื่องมือในการวัดผลสำเร็จของการจัดตั้ง “ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตด้วยมุมนมแม่” คือ เครื่องมือ ROI ย่อมาจาก Return of Investment หรือ หลักพื้นฐานของผลตอบแทนต่อการลงทุน ที่ได้จากการคำนวณความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ด้วยการลงทุนจัดตั้งมุมนมแม่ จัดทำโดย ผศ. ดร. จิราภรณ์ ระโหฐาน รองคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นับว่าการใช้เครื่องมือ ROI ในครั้งนี้เป็นก้าวแรกของการยกระดับการจัดตั้งมุมนมแม่ที่สามารถให้คำตอบผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบันนี้ บริษัทเอกชนที่ได้จัดตั้งมุมนมแม่ต้นแบบ ได้นำเครื่องมือ ROI ไปใช้วัดผลความคุ้มค่าทางทางเศรษฐกิจในการจัดตั้งมุมนมแม่ภายในบริษัท โดย นางนันท์นภัส เสรีฐิติวรโชติ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เดลต้าอีเล็กโทรนิกส์ จำกัด กล่าวว่า การใช้เครื่องมือ ROI วัดผลความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการจัดตั้งมุมนมแม่ ช่วยลดการสูญเสียค่าใช้จ่าย 3 ล้านบาท จากการลงทุนประมาณ 100,000 บาท เนื่องจากสวัสดิการการจัดตั้งมุมนมแม่นี้ เป็นพื้นที่สำหรับหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถมาบีบเก็บน้ำนมระหว่างเวลางาน
“แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะมีสุขภาพแข็งแรง ชีวิตครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข ทำให้ศักยภาพในการทำงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลในการลดอัตราการลาออกและการขาดงานของพนักงานตลอดจนลดค่าใช้จ่ายในการเบิกค่ารักษาพยาบาล ส่งผลให้พนักงานกลุ่มนี้มีทัศนคติที่ดีและมีความจงรักภักดีต่อองค์กร” นางนันท์นภัส กล่าว
ดังนั้น การจัดตั้ง ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตด้วยมุมนมแม่ ภายในสถานประกอบการ จะเป็นการยกระดับการสร้างสวัสดิการสำหรับพนักงานภายในองค์กรเอกชนด้วยการส่งผลดี ต่อพนักงาน และองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจาก การจัดตั้งมุมนมแม่ จะไม่ใช่เป็นเพียง “พื้นที่” ในการบีบเก็บนมแม่สำหรับหญิงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แต่จะเป็นการขยายผลในการจัดสวัสดิการที่ใช้เครื่องมือ ROI ประเมินผลตอบแทนในการลงทุน ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของพนักงานในองค์กร และผลประโยชน์ขององค์กรที่จะได้รับจากการจัดสวัสดิการในครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา: มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย