นพ.มงคลชี้หวัด 2009 เหนือ-อีสานน่าเป็นห่วง

เตือนคนกรุงตื่นตัวป้องกันตลอดเวลา 

 

 นพ.มงคลชี้หวัด 2009 เหนือ-อีสานน่าเป็นห่วง

          นพ.มงคล  ณ สงขลา ประธานอนุกรรมการสนับสนุนการป้องกันควบคุมและการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่าจากการที่ได้เดินทางไปพบกับหลายหน่วยงานเพื่อร่วมมือกันรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบว่ามีการตื่นตัวค่อนข้างสูง เช่น การพบกับตัวแทน 3 เหล่าทัพที่กองบัญชาการกองทัพอากาศแต่ละหน่วยงานได้สรุปให้ฟังว่ามีแผนการอย่างไรบ้าง  เช่น กองทัพอากาศมีการจัด big cleaningทำความสะอาดทั้งกองทัพ โดยเฉพาะเครื่องบิน c 130 ซึ่งบินส่งกำลังพลทุกวัน มีการดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับกองทัพเรือและกองทัพบกก็ได้ดำเนินการป้องกันมาเป็นระยะเวลา 4 เดือนแล้ว

 

          นพ.มงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการเดินทางไปร่วมประชุมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่จังหวัดนครราชสีมาพบว่าคนเหล่านี้มีความตื่นตัวมาก เช่น มีการตัดเย็บหน้ากากอนามัยแจกกันเองภายในชุมชน ผู้นำ อบต. หลายแห่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทได้มีบทบาทให้คำแนะนำชาวบ้านและช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งผู้รับผิดชอบในระดับจังหวัด เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานอื่นๆ

 

          ประธานอนุกรรมการฯ ยังกล่าวถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในขณะนี้ว่า จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาดูแล้วยังน่าเป็นห่วง เพราะการแพร่กระจายและการติดเชื้อของประชาชนในต่างจังหวัดมีความรุนแรงมากขึ้น ต้องบอกว่าในขณะนี้ถือว่ายังเป็นขาขึ้นอยู่โดยเฉพาะพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวเลขที่จังหวัดเชียงใหม่น่ากลัวมาก ที่จังหวัดลำปางก็เช่นกันมาอัตราติดเชื้อเร็วมาก ที่จังหวัดนครสวรรค์ก็มีอัตราที่สูง

 

          ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดร้อยเอ็ดก็พุ่งสูงเช่นกันแต่ที่จังหวัดนครราชสีมายังทรงตัวอยู่ เพราะฉะนั้นในวันที่ 1 กันยายน นี้ เราจะขึ้นไปที่จังหวัดลำปาง ว่าจะดูแลกันอย่างไร ส่วนคนกรุงเทพฯ อาจจะรู้สึกว่าเริ่มเป็นขาลงแต่ก็ต้องระวังว่าอาจจะกลับมาอีกครั้งเพราะฉะนั้นทุกฝ่ายอย่าได้ประมาทจะต้องตื่นตัวและช่วยกันดูแลป้องกันตลอดเวลา  ถ้าเราไม่ช่วยกันจะอันตรายมากโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ยังไม่มีวัคซีนออกมา

 

 

 

 

 

ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

update 31-08-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ