ถอดรหัสการศึกษาทางเลือก โรงเรียนนอกกรอบขยายผลสู่โรงเรียนปกติ
“โรงเรียนแห่งนี้ไม่มีการสอบ ไม่มีเสียงระฆัง ไม่มีครูอบรมหน้าเสาธง เป็นโรงเรียนที่ครูสอนเสียงเบาที่สุด พ่อแม่ต้องมาเรียนร่วมกับลูก และทุกคนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข”
ร.ร.ลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในตัวอย่างของการจัดการ ศึกษาทางเลือก ในเวทีเสวนาปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “การศึกษาทางเลือก : ทางหลักของหลายคน” เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกลุ่มเพื่อนปฏิรูป โดยหยิบยกกรณีศึกษา เพื่อถอดบทเรียนปัจจัยความสำเร็จ พร้อมกับจุดประกายให้กับจังหวัดและท้องถิ่นที่สนใจขยายผลการทำงานในพื้นที่
โรงเรียนแห่งนี้เรียกตัวเองว่า “โรงเรียนนอกกะลา” เริ่มเปิดสอนในปี 2546 ตั้งแต่อนุบาล-ม.ต้น ด้วยรูปแบบการสอนที่ต่างไปจากโรงเรียนอื่นๆ แต่มีผลประเมินโดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในเกณฑ์ดีมาก รวมถึงผลสอบเอ็นที (nation test) ด้านภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ
วิเชียร ไชยบัง ผู้อำนวยการโรงเรียน แลกเปลี่ยนว่า เป้าหมายของการตั้งโรงเรียนแห่งนี้คือ ต้องการทำให้เป็นตัวอย่างที่โรงเรียนอื่นๆ สามารถนำไปใช้ได้ จึงควบคุมปัจจัยหลักให้เหมือนกับโรงเรียนทั่วไป เช่น จำนวนครูและนักเรียน ที่มาของครู การรับเด็กด้วยวิธีจับสลาก ใช้งบประมาณไม่มาก การสอนต้องตอบสนองหลักสูตรแกนกลาง
แต่สิ่งที่พยายามทำคือ การมุ่งพัฒนาอยู่เสมอ โดย ครู ต้องเปลี่ยนวิธีการสอนและมุมมองต่อเด็กจึงมีการพัฒนาครูซึ่งกันและกัน ส่วนนวัตกรรมการพัฒนาเด็กจะพัฒนาความฉลาดจากภายใน ด้วยการสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างครูกับศิษย์ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การทำโครงงานเพื่อฝึกกระบวน การคิด
อีกกรณีศึกษาหนึ่งของการศึกษาทางเลือกคือ โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จ.กาญจนบุรี โรงเรียนที่รองรับเด็กอกหักในสังคม ที่เคยเผชิญกับปัญหาครอบครัว การถูกทอดทิ้ง ถูกทารุณกรรม เป็นต้น
รัชนี ธงไชย ครูใหญ่ ร.ร.หมู่บ้านเด็ก แลกเปลี่ยนว่า เป้าหมายของโรงเรียนคือ ทำให้เด็กมีความสุข จบแล้วเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ครูซึ่งต้องเข้าถึงจิตใจของเด็ก อดทน รู้จักปรับปรุงตัวและแสวงหาความรู้อยู่เสมอ การเลือกรับครูจึงเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนการจัดการเรียนการสอนจะปลูกฝังความอยากรู้ และมีการจัดสภาโรงเรียน เพื่อสร้างจิตสำนึกของความเป็นพลเมือง
ในเวทีแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ปกป้อง จันวิทย์ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้แลกเปลี่ยนผลการศึกษาโรงเรียนทางเลือกกับนวัตกรรมการเรียนการสอนของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (tdri) พบว่า ปัจจัยความสำเร็จของโรงเรียนทางเลือก ประกอบด้วย ปรัชญาการศึกษา ผู้นำโรงเรียน กฎกติกาของภาครัฐที่ส่งเสริมความเป็นอิสระ ทรัพยากรในการจัดการศึกษา คุณภาพของครู นวัตกรรมการเรียนการสอน และการจัดสภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน ซึ่งการขยายผลสู่โรงเรียนอื่นๆ ควรมีการถ่ายทอดนวัตกรรมการเรียนการสอนอย่างกว้างขวางให้กับโรงเรียนของรัฐอื่นๆ การถอดบทเรียนถึงขนาดของห้องเรียน จำนวนครูที่เหมาะสมกับการสอนที่มีประสิทธิภาพ และการจัดการงบประมาณเพื่อให้ค่าธรรมเนียมการศึกษาถูกลง
พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย แลกเปลี่ยนว่า การศึกษาทางเลือกยังติดกับในเรื่องของการจัดทำหลักสูตร ข้อจำกัดเรื่องการวัดผลที่ยังมุ่งเน้นที่การวัดผลเรื่องการท่องจำมากกว่าการคิดวิเคราะห์ และเน้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงต้องกลับมาสู่ระดับพื้นฐานคือ การมีกฎหมายรองรับการจัดการศึกษาทางเลือก ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และ 303 เพื่อเกิดความคล่องตัวในการทำหลักสูตรที่เปิดกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ผู้บริหารจังหวัด อาทิ นายก อบจ.อำนาจเจริญ, ประธานคณะกรรมการครูสอนดี จ.ชัยภูมิ และยะลา ร่วมสะท้อนความเห็นที่ตรงกันว่า การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนทางเลือกขยายผลต่อไปยังโรงเรียนของรัฐสามารถทำได้ โดยอาจเริ่มด้วยการสร้างต้นแบบเพื่อให้โรงเรียนอื่นๆ เข้ามาศึกษาและขยายผล
ทั้งนี้ เวทีปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล ครั้งต่อไป ภายใต้โจทย์ “องค์กรปกครองท้องถิ่นกับการสนับสนุนการเรียนรู้” ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ชมการถ่ายทอดสดทางวิทยุออนไลน์ ได้ที่ www.qlf.or.th
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด