ต้อนรับปิดเทอมใหญ่หรรษา ชวนลูกทำกิจกรรมสร้างสรรค์
อีกไม่นานก็จะถึงช่วงปิดเรียนปลายภาค หรือที่เรียกกันเคยปากว่า ปิดเทอมใหญ่ ช่วงนี้เองเป็นช่วงครอบครัวอลวน เพราะถึงแม้ลูกจะปิดเทอม แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้หยุดไปด้วย ทำให้มีปัญหาเรื่องการดูแลสมาชิกในบ้าน
ประกอบกับช่วงปิดเทอมปลายภาคจะมีระยะเวลานานกว่าการหยุดในช่วงอื่น จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ผู้ปกครองจะหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุตรหลานกันได้แล้ว เพราะหากไม่มีการเตรียมตัวหรือวางเป้าหมาย เด็กก็อาจใช้เวลาในช่วงนี้ไปทำกิจกรรมที่ไร้ประโยชน์ หนำซ้ำอาจเป็นโทษกลับมา
มีข้อมูลยืนยันจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่น่าสนใจว่า ช่วงปิดเทอม 1 ครั้ง เด็ก 70-80% จะมีน้ำหนักตัวขึ้น 3-4 กิโลกรัม เพราะส่วนใหญ่จะใช้เวลาที่ว่างมากหมดไปกับดูทีวี เล่นเกม กินอาหารไม่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะเด็กในเขตเมือง เนื่องจากเด็กไม่ทำกิจกรรมและไม่ออกกำลังกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ทั้งอ้วน สายตาสั้นเทียม ฟันผุ ลดทอนพัฒนาการ และติดเกม ซึ่งนำไปสู่ความก้าวร้าวในครอบครัวและอาจลามสู่สังคมได้
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในภาคีเครือข่ายของ สสส. แนะนำว่า พ่อแม่ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก สลับสับเปลี่ยนกันทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาทิ ดนตรี ดูหนัง ฟังเพลง วาดภาพ สร้างงานศิลปะ ทำกิจกรรมสร้างปัญญา เช่น เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ เกมที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์
ใครสนใจเรื่องการปลูกฝังความดีงามทางด้านจิตใจก็อาจพาลูกไปทำบุญ หรือเที่ยววัด โดยการให้เด็กเป็นมัคคุเทศก์น้อยในชุมชน ออกกำลังกาย เพิ่มกิจกรรมในรูปแบบผจญภัย ท่องเที่ยว หรือฟรีเพลย์ คือให้เด็กทำในสิ่งที่ชอบและเป็นคนเลือกเอง
“กิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนาทักษะได้ทุกวัย การสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ในช่วงปิดเทอม นอกจากครอบครัวแล้ว ชุมชน โรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเด็กไปพร้อมๆ กัน เพราะจะช่วยลดความเสี่ยง ทั้งอุบัติเหตุ ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การติดเกมได้” นพ.สุริยเดวกล่าว
เมื่อไม่นานมานี้ สสส.และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องยังได้เปิด พื้นที่สร้างสรรค์ในกรุงเทพฯ ที่บริเวณใต้ทางด่วนถนนสุขุมวิท (เพลินจิต) เพื่อให้เป็นแหล่งที่เด็กและเยาวชน สตรี และครอบครัว สามารถใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เสริมสร้างการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนในชุมชน อันนำไปสู่กิจกรรมเรียนรู้ ศิลปะ เทคโนโลยีไอที และเป็นแหล่งให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ จัดฝึกทักษะอาชีพสร้างรายได้ จัดกิจกรรมออกกำลังกายของชุมชนควบคู่กันไปด้วย
“เด็กและเยาวชนควรได้เติบโตและเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมสร้างสรรค์ ผู้หญิงมีโอกาสใช้ศักยภาพและบทบาทอย่างเต็มที่ ทุกคนในฐานะสมาชิกของครอบครัวมีสุขภาวะที่ดี ไทยจะเติบโตมั่นคงไม่แพ้ชาติอื่น รัฐบาลจึงต้องการสนับสนุนให้เกิดศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์กระจายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใต้ทางด่วน พื้นที่สาธารณะในชุมชน” นี่คือคำพูดของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กล่าวเมื่อคราวทำพิธีเปิดพื้นที่แห่งนี้
สสส.ยังตั้งเป้าขยายศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในปีนี้ในกรุงเทพฯ อีก 3 แห่ง และทั่วประเทศ 200 แห่ง และในอนาคตได้วางเป้าหมายจะทำในพื้นที่ใต้ทางด่วนกรุงเทพฯ ในพื้นที่ว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ถึงร้อยละ 45 พื้นที่ รวมทั้งสวนสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอยู่ 390 แห่งทั่วประเทศ และพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน วัด โรงเรียน สถานประกอบการ รวมไปถึงเส้นทางสัญจรสาธารณะ เช่น คลอง ทางเท้า ถนน เป็นต้น
หากเด็กไทยได้รับกิจกรรมที่มีประโยชน์และมีสาระ ก็จะสามารถทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและห่างไกลกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่รุมเร้ารอบตัวได้
อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงปิดเทอมแล้ว ทางที่ดีพ่อแม่ควรหาเวลามาคุยกับเด็กๆ และวางแผนกันว่าจะใช้เวลาปิดเทอมอย่างสร้างสรรค์ หรรษากันได้อย่างไรบ้าง และรอคอยกิจกรรมดีๆ จาก สสส.และภาคีสร้างสรรค์กำลังจะทยอยออกมาบอกกล่าวให้น้องๆ ทราบกันเร็วๆ นี้
ทางเลือกกิจกรรมดีๆ รับปิดเทอม
1.เรียนร้องเพลงกันดีกว่า มัวแต่ฮึมๆ ฮัมๆ ดำน้ำอยู่ทำไม ถ้าใจรักและมีความฝันอยากจะร้องเพลงให้ได้อย่างนักร้องชื่อดัง ขอแนะนำให้ไปสมัครเรียนร้องเพลงกันดีกว่า มีโรงเรียนสอนร้องเพลงหลายแห่งในบ้านเรา แต่ถ้าเลือกเรียนกับมืออาชีพโดยตรง ดีไม่ดีอาจมีโอกาสเป็นว่าที่ศิลปินใหม่ก็ได้ ใครจะรู้ หรือจะไปเล่นดนตรีให้เป็นกันเสียช่วงนี้ ส่วนที่เล่นเป็นแล้ว แต่อยากจะพัฒนาฝีมือให้เก่งและแกร่ง จะกีตาร์โปร่งหรือกีตาร์คลาสสิก เป่าฟลุต สีไวโอลิน เล่นเปียโน ตีกลอง หรือแม้แต่เล่นดนตรีไทย ก็ลงมือกันเลย
2.วาดรูปบนรั้วหลังบ้าน ลองหาสีชอล์กสำหรับเด็ก หรือระบายสีด้วยน้ำเปล่า พาลูกไปที่รั้วหลังบ้านพร้อมด้วยกระป๋องน้ำกับพู่กันอันใหญ่ หารั้วอิฐหรือกำแพงว่างๆ หากไม่มีพื้นปูนที่ลานบ้านก็ใช้ได้ แล้วลองระบายสีเล่นกันดู ไม่แน่อาจค้นพบจิตรกรตัวน้อยในบ้านก็ได้
3.ทำอาหาร โดยให้ลูกคิดเมนูอาหารพิเศษ แล้วทำรายการอาหารว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พาลูกไปซื้อของ แล้วลองทำอาหารด้วยกันดู ซึ่งเด็กๆ จะได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องการชั่ง ตวง วัด โดยไม่รู้ตัว
4.ชวนลูกทำสวน พ่อแม่ลูกลองช่วยกันปลูกต้นไม้ด้วยกัน แล้วตั้งชื่อแปลกๆ ให้ต้นไม้ เช่น สาวน้อยสีเหลือง (ต้นดาวเรือง) ต้นยุงรำคาญ (ตะไคร้หอม) เป็นต้น แล้วให้ลูกช่วยกันดูแล รดน้ำ ซึ่งกิจกรรมนี้จะช่วยสร้างนิสัยรักธรรมชาติให้กับลูกเป็นอย่างดี
5.ไปเยี่ยมเด็กกำพร้า พาลูกไปเยี่ยมเด็กกำพร้าหรือเด็กพิการ โดยไปเยี่ยม ไปอุ้มน้อง ไปเล่นกับน้อง หรือให้ลูกนำขนม หรือทำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปให้เด็กๆ เหล่านั้นด้วย ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในการสอนให้ลูกรู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การไม่ดูถูกผู้อื่น การมีน้ำใจ และสอนให้ลูกรู้ว่าทุกคนเป็นคนพิเศษแม้ว่าเขาจะเกิดมาไม่สมบูรณ์ก็ตาม
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์