ดีเดย์ 8 พ.ค. ตร. ยันจับจริง โทรไม่ขับ
8 พ.ค.เริ่มใช้กฎหมาย “โทรไม่ขับ” ฝ่าฝืนปรับแถมตัดแต้ม
นับถอยหลังเหลืออีกวันเดียว กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ค. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ออกมาย้ำอีกครั้งว่า ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. เป็นต้นไป ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551 จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ โดยในมาตรา 43 (9) กำหนด ห้ามมิให้ผู้ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ต้องไม่ถือ หรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ทั้งนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามมาตรา 157 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 ถึง 1,000 บาท และจะถูกตัดคะแนน 10 คะแนน อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งในช่วงแรกวันที่ 8-19 พ.ค. ให้ตำรวจเน้นการจับเตือนไปก่อน และตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. เป็นต้นไป จะเริ่มกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง
รอง ผบช.น.กล่าวว่า สำหรับวิธีการตรวจจับนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กล้องถ่ายภาพผู้กระทำผิด เพื่อป้องกันการโต้แย้ง และบริเวณทางแยกต่างๆ จะมีกล้องซีซีทีวี ก็จะมีการตรวจสอบภาพจากกล้องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ รถติดไฟแดงหากใช้โทรศัพท์มือถือโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมก็ถูกจับด้วยเช่นกัน เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ซึ่งขณะที่รถติดไฟแดงอยู่นั้น ผู้ขับรถยังอยู่ในภาวะที่ต้องควบคุมรถอยู่ ถือเป็นการขับรถ โดยการห้ามใช้นี้ จะรวมถึงการใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป หรือส่งเอสเอ็มเอสด้วย
นาย
พ.ต.ท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ทำให้บรรดาผู้ใช้รถเกิดความตื่นตัวแห่ไปซื้ออุปกรณ์เสริม จำพวกแฮนด์ฟรี สมอลล์ทอล์ก บลูทูธ ติดรถกันเป็นแถว ร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือตามห้างชั้นนำที่เคยซบเซามานาน กลับมีชีวิตชีวาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเลือกซื้อกันตามสภาพฐานะ หากเป็นพ่อค้า แม่ขาย คนขับรถโดยสาร หรือผู้มีรายได้น้อยจะเลือกของมือสอง ระดับกลางเป็นนักศึกษา วัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทางบ้านพอมีฐานะ จะเลือกซื้อราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท แต่ถ้าเป็นนักธุรกิจที่ต้องใช้เวลาขับรถติดต่อธุรกิจทางโทรศัพท์ไปด้วย จะเน้นอุปกรณ์แบบบลูทูธที่มีราคาแพง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
update 07-05-51