จี้กวาดล้างเมาขับลดสถิติตาย-เจ็บ

เน้นจับจริง-แก้กม.-หนุนอุปกรณ์-เน้นจุดตรวจกลางคืน

 

 จี้กวาดล้างเมาขับลดสถิติตาย-เจ็บ

 

          ศูนย์วิชาการความปลอดภัยทางถนน ชำแหละอุบัติโหดปีใหม่ เพราะไม่บังคับใช้กฎหมายจริงจัง  ปั๊มแหกคอกขายเหล้า  เมาแล้วขับเฉียดหมื่นห้า ยันไทยต้องใช้ยาแรง เสนอ 4 มาตรการ จับจริง-แก้ กม.-หนุนอุปกรณ์-เน้นจุดตรวจกลางคืน

 

          นพ.ธนะพงศ์  จินวงษ์  แห่งศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน  มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)  และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตช่วงเทศกาลปีใหม่  2552  คือ  367 ราย แม้ลดลงจากปี 2551 ที่มีผู้เสียชีวิต 401 ราย แต่เมื่อเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นกับมาตรการที่ทุกฝ่ายลงแรงไป แม้ยอดรวมการเสียชีวิตลดลง แต่ก็เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่า มาตรการที่ดำเนินการอยู่ไม่เพียงพอ และหลายๆ อย่างควรได้รับการยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ตัวเลข  41% ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับในปีนี้  และตลอด  4-5  ปีที่ผ่านมา ยืนยันว่าประเทศไทยต้องการยาแรงในการแก้ปัญหานี้

 

          “แม้มีข้อมูลความเข้มงวดและเรียกตรวจถึง 4,992,859 คัน มียอดผู้ถูกดำเนินคดีสูงถึง  374,690   คน  แต่ในจำนวนนี้เป็นคดีเมาแล้วขับถึง  14,050  คน  และบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา ยังมีการจับกุมเพิ่มมากกว่าเท่าตัว  โดยตำรวจได้จับกุมผู้กระทำผิดตามมาตรการ 3 ม  2 ข 1 ร ได้ถึง 35,085 ราย ตัวเลขการกระทำผิดของจุดขายสุราในที่ห้ามขายก็สูงมาก การสำรวจของกรมควบคุมโรคใน 28 จังหวัด รวม 1,178 แห่ง  พบว่า 12.5% ของปั๊มน้ำมันยังคงขายสุรา  โดยจังหวัดในเส้นทางหลักอย่างนครสรรค์ มีปั๊มน้ำมันที่มีการจำหน่ายสุรามากถึง 39.1% ขอนแก่น 28.3% และบุรีรัมย์ 27.3%” นพ.ธนะพงศ์ระบุ

 

          นพ.ธนะพงศ์กล่าวว่า  ยานพาหนะที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์ถึง  84.2%  เช่นเดียวกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมเสี่ยงที่นำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิต ยังสัมพันธ์กับเมาแล้วขับ  ขับเร็ว  และตัดหน้ากระชั้นชิด ที่สำคัญกลุ่มเยาวชน 15-24 ปี ยังเป็นผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ใน 3 มาตรการที่มีอยู่เพียงแค่ชะลอไม่ให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่อาจลดหรือหยุดยั้งความสูญเสียของอุบัติเหตุบนท้องถนนในเทศกาลได้ ทางออกต้องทบทวนเครื่องมือหลัก คือบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

          ทั้งนี้    มาตรการแก้ไขคือ  1.พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ที่ประกาศช่วงเวลาหรือวันที่ห้ามขายสุราในช่วงเทศกาล  2.ผลักดันให้มีแก้ไข  พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ไม่ให้ผู้ขับขี่ปฏิเสธการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์  3.เร่งสนับสนุนอุปกรณ์การตรวจวัดให้เพียงพอกับตำรวจในทุกพื้นที่ 4.ปรับวิธีการตั้งจุดตรวจให้สามารถหมุนเวียน และกระจายไปตามจุดที่มีนักดื่มใช้เป็นเส้นทางสัญจร โดยเน้นหนักการตรวจในช่วงเวลากลางคืนอย่างจริงจังมากขึ้น

 

          “ที่สำคัญเมื่อมีการจับกุม ต้องกำกับให้ดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายเด็ดขาด ก่อนจะนำมาตรการคุมประพฤติมาใช้  ยิ่งกว่านั้นน่าจะมีการติดตามตัวเลข  14,050 ของคดีเมาแล้วขับว่ามีผลเป็นอย่างไร  มีการลงโทษอะไรบ้าง และที่สำคัญมีการบันทึกประวัติของผู้ที่มักจะกระทำผิดซ้ำๆ  เพื่อช่วยให้การพิจารณาตัดสินคดี เป็นไปอย่างสอดคล้องและเหมาะสมมากขึ้น” นพ.ธนะพงศ์กล่าว.

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

update:12-01-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code