จิตแข็งแกร่ง กายแข็งแรงด้วย ‘วิ่งสมาธิ’
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
‘วิ่งสมาธิ’ กำหนดสติ กำหลดลมหายใจ สร้างกายและใจให้แข็งแรง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดิน วิ่งเพื่อสุขภาพไทย และมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดกิจกรรมเดิน- วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นการจัดขึ้นทั่วประเทศเป็นประจำทุกปีเนื่องใน วันวิสาขบูชา ปีนี้เป็นครั้งที่ 15 สถานที่เปิดงานวิ่งอย่างเป็นทางการ คือที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยที่ผู้เข้าร่วมวิ่งทุกคนที่ เข้าสู่เส้นชัยจะได้ของที่ระลึกคือ ถุงบรรจุข้าวสาร 250 กรัม แทน เหรียญรางวัล เป็นข้าวสารสายพันธุ์พื้นเมืองจากทุ่งนครชัยศรี ที่ผลิตขึ้น โดยกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์ โดยมีนักวิ่งทั้งหมดเกือบสามพันคน
คุณกันต์ ปั้นภู ผู้ริเริ่มการวิ่งสมาธิ เล่าว่า เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตัวเองเป็นคนมีน้ำหนักตัวมากกว่า 80 กก.และค่อนข้างเป็นคน อารมณ์ร้อนจึงคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มต้นวิ่งและปฏิบัติธรรม ไปพร้อมๆ กัน โดยได้เรียนรู้ว่าในหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา กล่าวไว้ ว่า เราสามารถกำหนดสติได้ทุกอิริยาบถ ทั้งการนั่ง นอน (คือการรู้สึกตัวตลอด) เวลาวิ่งก็เช่นกันเมื่อเท้าก้าวลงพื้น เหมือนกับ การเดินจงกรม กำหนดลมหายใจไปอยู่ตรงนั้น ไม่ต่างกับการนั่งสมาธิ เมื่อวิ่งเหนื่อย หิวน้ำก็พิจารณาให้รู้ว่าเหนื่อย หิว เป็นเวทนานุปัสสนา ซึ่งการวิ่งไปทำสมาธิไป ทำให้เกิดการเปลี่ยน ทั้งร่างกายและจิตใจจากบุรุษผู้แบกน้ำหนักกว่า 80 กิโลกรัม วันนี้เหลือน้ำหนักมาอยู่ 60 กก. โดยใช้เวลาในการวิ่งเฉลี่ย สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 10 กม.
คุณกันต์ ย้ำส่งท้ายว่า "การวิ่งสมาธิทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเอง ได้ฝึกให้เห็นตัวเองแบบชัดๆ หลายครั้งทำให้เกิดความชัดเจนกับตนเองมากขึ้น และยิ่งทำมากเท่าไร ก็สามารถ ชัดเจนกับผู้อื่นได้มากเท่านั้น ยิ่งละเอียดอ่อนกับตนเองได้มากเท่าไร ก็สามารถละเอียดอ่อนกับผู้อื่นได้มากเท่านั้น"
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประธานเปิดงานในการ วิ่งสมาธิ ในวันนั้น กล่าวเปิดงานว่า เราทุกคนมีความเชื่อว่า การวิ่งจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง การวิ่งจะเกิดวิริยะเพราะระหว่างวิ่งเรามีความพยายามอย่างยิ่งยวด ขณะที่เราวิ่งเราก็มีสติกำกับที่กายและมีสมาธิ คือมีใจจดจ่อไปกับการวิ่ง ท้ายที่สุดจะเกิดปัญญา มีความเข้าใจในกิจกรรมที่ทำ ถ้าเราสามารถทำสิ่งใดๆ ด้วยหลักธรรมโดยมีศีลเป็นพื้นฐาน กิจกรรมนั้นๆ นอกเหนือการวิ่งจะมีความสำเร็จอย่างงดงามในด้านของจิตใจด้วย
ดร.สุปรีดา ยังกล่าวขยายความให้ฟังต่อไปด้วยว่า จากการ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ เดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2558 พบว่า ร้อยละ 99.5 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้มีสุขภาพกายและจิตที่ดี ร้อยละ 97.5 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้ ตนเองเกิดความตั้งใจในการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน เพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 91.9 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้เกิดความตั้งใจ ในการลดละเลิกอบายมุข ร้อยละ 90.6 เห็นว่าโครงการนี้ช่วย ให้เกิดความตั้งใจในการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพื่อเป็น การปฏิบัติบูชา และผู้เข้าร่วมโครงการร้อยละ 89.6 เห็นว่าโครงการนี้ ช่วยให้ตนเองสามารถนำการปฏิบัติสมาธิมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
จึงนับเข้าเป็นกิจกรรมที่ดี มีคุณประโยชน์อีกกิจกรรมหนึ่ง จากการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ที่ควรบันทึกไว้
สุดท้าย คุณพจน์ เพิ่มพรพิพัฒน์ ประธานสมาพันธ์ ชมรมเดิน วิ่งเพื่อสุขภาพไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการ ส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจร่วมใจถวายเป็นพุทธบูชา วิ่งด้วยสมาธิ สติสัมปชัญญะ โดยผู้ร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง ทั้งระยะ 3.5 และ 10 กิโลเมตร จะวิ่งผ่าน 4 สังเวชนียสถานจำลอง ระลึกถึงคุณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นกิจกรรมที่รณรงค์ให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยมีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่เน้นการแข่งขัน บูรณาการเข้ากับการฝึกสมาธิขณะเดิน หรือ วิ่ง รวมถึงการทำบุญ รับศีล ฟังธรรม และเวียนเทียน โดยในแต่ละปีมีผู้สนใจมาร่วมเดินวิ่งสมาธิจากทั่วทุกภูมิภาครวมหลายหมื่นคน ทำให้เห็นว่านอกจากการวิ่งเพื่อสุขภายกายที่ดีแล้ว นักวิ่งยังให้ความสนใจในการฝึกฝนจิตใจไปพร้อมๆ กัน ยิ่งส่งผลดีทำให้การวิ่งให้ร่างกายและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ใครอยากเข้าร่วมกิจกรรม การวิ่งสมาธิ คงต้องรอให้ถึง วันวิสาขบูชาปีหน้า แต่ถ้าต้องการนำเอาผลสำเร็จจากการวิ่งสมาธิ ในปีนี้มาใช้กับตัวเอง ก็สามารถทำได้ทุกวันด้วยตนเอง ในทุกๆสถานที่ ที่เราอยากจะทำ