คาดอีก 3 ปีมีวัคซีนสมองอักเสบบีใช้
เผยเป็นเชื้อสายพันธุ์ที่พบบ่อย รุนแรงแต่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
หนังสือพิมพ์เดอะเดลี่เทเลกราฟฉบับออนไลน์รายงานว่านักวิจัยในประเทศอังกฤษกำลังทดลองวัคซีนเพื่อป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบีซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเป็นสาเหตุของกรณีเจ็บป่วยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดในประเทศอังกฤษ ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถผลิตออกมาใช้ได้จริงในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
สำหรับเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบีนั้นปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกัน และเชื้อโรคสายพันธุ์บีนี้เองที่ทำให้คนประเทศอังกฤษล้มป่วยเป็นจำนวนอย่างน้อย 1,000 รายต่อปี โดยคนไข้จำนวน 1 ใน 10 มักจะเสียชีวิตเมื่อได้รับเชื้อ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะต้นซึ่งทำโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษพบว่าประสบความสำเร็จดีและมีการนำเสนอผลการทดลองในการประชุมวิชาการในทวีปยุโรปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และขณะนี้ทีมนักวิจัยทีมนี้กำลังทดสอบวัคซีนต่อในคนจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อยืนยันผลการทดลองในเบื้องต้น
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อรอบๆ สมอง และเป็นโรคที่สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากลัวมากที่สุดชนิดหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก ๆ
วัคซีนสำหรับเยื้อหุ้มสมองอักเสบที่มีอยู่และใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเป็นวัคซีนป้องกันเยื้อหุ้มสมองอักเสบชนิดซี ซึ่งตั้งแต่มีวัคซีนชนิดนี้ออกมาใช้ได้ช่วยทำให้ลดจำนวนผู้ป่วยลงได้อย่างเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบสายพันธุ์บีแล้วยังไม่มีอะไรช่วยป้องกันได้เลย
ดร.
สำหรับการทดสอบวัคซีนนั้นนักวิจัยได้ฉีดวัคซีนที่พัฒนาขึ้นมากับเด็กทารกจำนวน 150 คน ตอนที่พวกเขามีอายุได้ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน และเข็มที่ 4 ตอนอายุ 12 เดือน ผลการทดสอบพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์ย่อยตัวหลัก ๆ ทั้ง 3 สายพันธุ์ของเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบี
ด้าน ดร. แอนดรูว์ พอลลาร์ด จาก ทีมวิจัยวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทดสอบวัคซีนกล่าวว่า “ปัญหาในการพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบีคือเชื้อมันมีหลายสายพันธุ์ย่อย”
สำหรับตัววัคซีนที่ใช้ทดสอบประสิทธิภาพถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท โนวาติส วัคซีนส์ แอนด์ ไดแอ็กโนสติคส์ ในเมืองเซอร์เรย์ประเทศอังกฤษ
ที่มา : สำนักข่าว ต่างประเทศสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
update 20-05-51