ควันบุหรี่มือสอง มหันตภัยร้ายทำลายสังคม
ทั้งมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง ทั้งโรคหัวใจยังเป็นได้
“เรารู้จักกันรึเปล่าค่ะ?”
“ไม่นี่ครับ !!!”
“แล้วคุณมาทำร้ายฉันทำไม ??”
บทสนทนาของชายหญิงคู่หนึ่งในภาพยนตร์โฆษณารณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่โดนใจใครหลายคน ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าคุณอาจทำร้ายผู้อื่นแบบไม่ตั้งใจ เพราะนอกจากมันจะทำร้ายตัวคนสูบแล้ว มันยังทำร้ายคนรอบข้างอีกด้วย…
“บุหรี่” ถือเป็นสิ่งเสพติดชนิดถูกกฏหมายชนิดหนึ่ง ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดและร้านสะดวกซื้อทั่วไป ภายในมีสารต่างๆ หลายชนิด แต่ตัวสำคัญที่ทำให้เกิดการเสพติดนั่นคือ นิโคติน..!!! ซึ่งเป็นสารแอลคะลอยด์ที่ไม่มีสี และนิโคตินเพียง 30 มิลลิกรัม สามารถทำให้คนเราถึงตายได้ บุหรี่ธรรมดามวนหนึ่งจะมีนิโคตินอยู่ราว 15-20 มิลลิกรัม ก็คือจำนวนนิโคตินในบุหรี่ 2 มวน สามารถทำให้คนตายได้ในทันที แต่การที่สูบบุหรี่ติดต่อกันหลายมวนแล้วไม่ตาย ก็เพราะว่ามีนิโคตินในควันบุหรี่ เป็นส่วนน้อยที่เข้าสู่ร่างกายของผู้สูบนั่นเอง
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า…..บุหรี่.….เป็นสาเหตุสำคัญอันดับสองของการเสียชีวิตทั่วโลก หลังพบผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่สูงถึงประมาณ 650 ล้านคนทั่วโลก
ศ.นพ.
และที่น่าตกใจพบว่า คนไทยประมาณ 5 แสนคน จะตายในช่วงวัยกลางคน และอีก 5 แสนคน จะตายในช่วงวันสูงอายุ ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดมากที่สุด เฉลี่ยปีละ 13,000 คน หรือประมาณ 1 ใน 8 ของผู้ติดบุหรี่
…..หากขึ้นชื่อว่าเป็นบุหรี่แล้ว ย่อมหาข้อดีของมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าถามถึงโทษล่ะก็!!! บรรยายได้ไม่หมด เพราะบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคร้ายมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้นำทัพมาด้วยโรค “มะเร็งปอด” ซึ่งจากข้อมูลทางระบาดวิทยา พบว่า การสูบบุหรี่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติ 15-30 เท่า โดยขึ้นกับปริมาณของจำนวนที่สูบต่อวัน ระยะเวลาที่สูบ และอายุที่เริ่มสูบบุหรี่ อายุยิ่งน้อยยิ่งมีโอกาสมาก
โรคมะเร็งปอดระยะแรกจะไม่มีอาการบ่งบอกได้เด่นชัด แต่เมื่อไรที่มีอาการแสดงออกมานั่นหมายความว่าเป็นถึงขั้นรุนแรงแล้ว …
หากเมื่อพบอาการ ไอเรื้อรัง ไอเสมหะมีเลือดปน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย มีไข้เล็กน้อย เจ็บหน้าอก อาการเหล่านี้อาจเกิดร่วมกับโรคอื่นๆได้ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกแล้วว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดซึ่งอาการที่พบส่วนใหญ่เป้นอาการที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงว่าจะเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายได้ จึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้า และโดยเฉลี่ยผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งปอดจะมีชีวิตอยู่ได้หลังจากจากเริ่มมีอาการเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน หรือร้อยละ 80 จะเสียชีวิตภายใน 1 ปี แม้ว่าจะให้การรักษาอย่างดี ก็จะมีอัตราการรอดชีวิตเพียง ร้อยละ 2 ถึง 5 เท่านั้น
“โรคถุงลมโป่งพอง” ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เนื่องจากควันบุหรี่จะทำลายเนื้อเยื่อในปอดและถุงลมให้ฉีกขาดทีละน้อยและรวมตัวกลายเป็นถุงลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เกิดโรคถุงลมโป่งพอง จากรายงานการศึกษาพบว่า ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยที่อาการอยู่ในระยะสุดท้ายจะตายภายใน 10 ปี โดยมีอาการเหนื่อยหอบตลอดเวลาจนกว่าจะเสียชีวิต
ส่วน “โรคหัวใจ” ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถเกิดได้เพราะการสูบบุหรี่ แต่ยังเคราะห์ดีที่สามารถป้องกันได้ เมื่อเทียบกับสาเหตุของโรคหัวใจที่เกิดเพราะสาเหตุอื่น ๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ซึ่งล้วนเกิดจากกรรมพันธุ์ ขณะนี้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เมื่อหลอดเลือดตีบจนมีผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้จนทำให้เกิดอาการจุกเสียดเจ็บหน้าอก และถึงขั้นทำให้หัวใจวายได้ในที่สุด
แต่ที่น่าตกใจ !!! มากกว่า คือ ในแต่ละปีมีคนไม่สูบบุหรี่หลายแสนคน ต้องเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง เพราะผู้ที่ได้รับควันอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบสูงถึง 25 – 30 % นับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ซึ่งควันมือสอง มันจะเกิดได้จาก 2 แหล่งด้วยกัน คือ ควันบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่พ่นออกมา และควันที่ลอยจากตอนปลายมวนบุหรี่ ทันทีที่บุหรี่ถูกจุดขึ้น การเผาไหม้ของมวนบุหรี่นั้น ทำให้เกิดสารเคมีถึงกว่า 4,000 ชนิด เป็นสารพิษมากกว่า 250 ชนิด และกว่า 50 ชนิด ที่เป็นสารพิษที่วงการแพทย์ระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง
ควัน!!! เหล่านี้อันตรายถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นผู้สูบโดยตรงก็ตาม เมื่อรับควันบุหรี่มือสองไปแล้วจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อ ตา จมูก คอ ส่งผลให้เกิดการคลื่นไส้ ปวดศรีษะ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคภูมิแพ้ หอบ อาจทำให้อาการกำเริบได้ แต่นี้คือโทษของมันในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวนั้น ตามการรายงานของแพทย์ใหญ่ของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา ระบุว่าการสูบบุหรี่มือสอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียงสูง รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับหัวใจได้เหมือนๆกับการสูบเอง
เด็ก หญิงมีครรภ์ รวมไปถึงคนทั่วไป มีโอกาสเสี่ยงได้เท่าๆ กัน หากอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ โดย
ผู้ใหญ่ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับมาจากที่บ้าน หรือที่ทำงาน ซึ่งหากได้รับควันบุหรี่วันละ 3 ชั่วโมงขึ้นไป จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25-30 เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30 จะมีอัตราการเป็นโรคมะเร็งที่ลำคอมากกว่าผู้ไม่ได้รับควันบุหรี่ 3 เท่า และเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งอื่น ๆ มากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า โดยควันบุหรี่มือสองก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเลือดหัวใจทันทีที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง
ด้านหญิงมีครรภ์และทารกที่ได้รับควันบุหรี่มืออย่างต่อเนื่อง จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรได้ โดยอาจมีอาการครรภ์เป็นพิษ แท้ง คลอดก่อนกำหนด และเกิดอาการไหลตายในเด็กสูงขึ้น
ส่วนเด็กเล็กที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบและปลอดบวม สูงกว่าเด็กทั่วไป มีอัตราการเกิดโรคหืดเพิ่มขึ้น เกิดการติดเชื้อของหูส่วนกลาง ในระยะยาว เด็กที่ได้รับควันบุหรี่มือสองจะมีพัฒนาการของปอดน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับควันบุหรี่
แต่โดยเฉลี่ยแล้วเด็ก ๆ จะได้รับควันบุหรี่มือสองมากกว่าผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น วิธีเดียวที่จะปกป้องครอบครัวของคุณจากควันบุหรี่มือสองได้นั้น คือ การเลิกสูบบุหรี่อย่างถาวรนั่นเอง
ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะ หยุด ! ทำร้ายสุขภาพของตนเอง เลิกทำร้ายคนที่รักและคนรอบข้างด้วยควันบุหรี่ แล้วหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย เชื่อว่าดีกว่ากันเยอะเลย… เพราะคนไทยสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ แล้วเกือบ 3 ล้านคน คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป…
เรื่องโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
Update:08-12-51