กิน ‘ผักและผลไม้’ แต่เด็ก สร้างฐานสุขภาพดีตลอดชีวิต
จับประเด็นเสริมสร้างสุขภาพของ “เด็กไทย” อย่างต่อเนื่อง ในโอกาสที่เดือนมกราคมมี ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ให้ ‘ผู้ใหญ่’ ในสังคมร่วมกันตระหนักและให้ความสำคัญแก่พวกเขาเป็นพิเศษ…
เพราะทั้งหมดที่ต้องให้ความสำคัญกับ ‘เด็ก’ นั้นไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่คุณภาพ มีสุขภาพดีทั้งกายใจ และมีความพร้อมในการใช้ชีวิตในสังคมไทยได้อย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันจัดงานประชุมวิชาการแห่งชาติด้านอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพ ครั้งที่ 1 เรื่อง “ผักและผลไม้เพื่อความมั่นคงทางโภชนาการ” (The 1st National Conference on Food andNutrition for Health “Fruits and Vegetables for Nutrition Security”) เพื่อเผยแพร่ความรู้และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บจากการ ‘กินอาหาร’ โดยชูประเด็นสำคัญที่ การเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ในคนไทยอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน เพื่อลดทั้งภาวะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มอัตราสูงขึ้นในสังคมไทย
โอกาสนี้ ผศ.อุไรพร จิตต์แจ้ง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอถึงประเด็นการกินผักและผลไม้ในคนไทยให้ได้อย่างน้อย 400 กรัมว่าเหมาะสมกับทุกวัยจริงหรือไม่ว่า องค์การอนามัยโลกรวบรวมรายงานการวิจัยต่างๆ มาวิเคราะห์ว่า เกณฑ์การบริโภคด้วยปริมาณดังกล่าว สามารถลดภาวะโรคต่างๆ เช่น หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ รวมถึงลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งต่างๆ ได้จริง
ดังนั้นการส่งเสริมให้เด็กๆ รู้จักกินผักและผลไม้ตั้งแต่ยังเล็ก จึงเปรียบได้กับการวาง ‘รากฐาน’ ในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
“การส่งเสริมให้เด็กกินผักนั้นเป็นเรื่องดีแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นในปริมาณตามค่าที่กำหนดไว้เท่านั้น เพราะแต่ละวัยต่างก็มีค่าปริมาณของสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ ซึ่งวัยทารกแรกเกิด – 6 เดือนแรก องค์การอนามัยโลกมีข้อแนะนำชัดเจนว่าเด็กควรกินน้ำนมแม่อย่างเดียว”
ถามว่าแล้วผักและผลไม้เกี่ยวข้องกับเด็กทารกอย่างไร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อธิบายต่อไปว่า มีความสำคัญกับผู้เป็นแม่ที่ต้องให้นมบุตร แม่เด็กจึงควรบริโภคอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอในการผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพ และการบริโภคผัก-ผลไม้ของแม่ มีบทบาทค่อนข้างมากต่อปริมาณวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ อาทิ กลุ่มวิตามินบีต่างๆ โดยผลการตรวจคุณภาพน้ำนมของแม่ในภาคต่างๆ จากโครงการวิจัยระยะยาวในเด็กไทย พบว่าน้ำนมแม่ทุกภาคมีปริมาณกรดโฟลิคในฤดูร้อนต่ำกว่าในฤดูฝนซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณการบริโภคผัก ผลไม้ในฤดูร้อนน้อยกว่าในฤดูฝนทั้งชนิดและปริมาณด้วย
“หลังจาก 6 เดือนแรกของชีวิต แนะนำว่าเด็กทารกควรได้รับอาหารครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน เริ่มต้นจากผักสุก ครึ่งช้อนกินข้าวร่วมกันกับอาหาร 1 มื้อ จากนั้นอายุ 8-9 เดือน ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1 ช้อนกินข้าวต่อมื้อ วันละ 2 มื้อ โดยเมื่ออายุ 10-12 เดือน เพิ่มเป็น 1 ช้อนครึ่งในแต่ละมื้อ วันละ 3 มื้อ หรือเป็นประมาณ 5, 20 และ 44 กรัม ตามลำดับต่อวันในแต่ละช่วงอายุดังกล่าว ส่วนผลไม้ควรเริ่มจาก 1-2 ชิ้นต่อวัน เพิ่มเป็น 2-3 ชิ้นต่อมื้อวันละ 2 มื้อ และเพิ่มเป็น 3-4 ชิ้นต่อมื้อวันละ 3 มื้อ ในแต่ละช่วงอายุ”
ทั้งนี้ ปริมาณผักและผลไม้ที่วัยทารกควรได้รับอยู่ประมาณ 100 กรัมต่อวัน แต่หากนำปริมาณผักและผลไม้ตามข้อแนะนำข้างต้น ไปทดสอบหาปริมาณสารอาหารที่เด็กได้รับด้วยโปรแกรม Optifood จะพบว่า เมื่อทารกเริ่มกินอาหารเป็นวันละ 2-3 มื้อ การให้ผลไม้เพิ่มตามจำนวนมื้อนี้ จะทำให้ทารกได้รับพลังงานเกินเป้าหมาย เนื่องจากผลไม้ที่ทารกมักได้รับคือ กล้วย มะละกอสุก และส้ม ซึ่งให้พลังงานสูงอยู่แล้ว ฉะนั้น หากต้องการให้ทารกได้สารอาหารครบ 5 หมู่ โดยได้รับพลังงานไม่เกินเกณฑ์ที่แนะนำ ก็ควรจะต้องลดผลไม้เหลือวันละมื้อ หรือลดปริมาณต่อมื้อลง
“สำหรับเด็กปฐมวัยและเด็กวัยเรียนก็มีค่าการบริโภคที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย การบริโภคผักและผลไม้ 400 กรัมต่อวันนั้น เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป จึงไม่เหมาะกับทุกวัยในการปฏิบัติจริง แต่ที่บอกว่ากินผักตั้งแต่เด็กๆ นั้นดี มันดีเพราะเป็นการสร้างนิสัยในการกิน แต่ควรจะค่อยๆ ฝึกและเพิ่มปริมาณขึ้นตามวัยอย่างเหมาะสม”
เช่นนี้แล้ว ‘ปริมาณ’ ของผักและผลไม้ จึงไม่อาจสำคัญเท่า ‘คุณค่า’ และ ‘คุณภาพ’ ที่สมควรและพอเหมาะกับที่ร่างกายควรได้รับ หากแต่เป็นกลไกหนึ่งที่มี ‘ความสำคัญ’ ยิ่งต่อการหว่านเมล็ดพันธุ์ของการสร้างสุขภาพดี ‘ตลอดชีวิต’ …
เรื่องโดย: ชัชวรรณ ปัญญาพยัตจาติ Team Content www.thaihealth.or.th