กินเจ ให้ปลอดภัย เน้นผักผลไม้ ธัญพืช ลดหวานมันเค็ม
ที่มา : มติชน
แฟ้มภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แนะนำประชาชนเลือกกินเจที่ดีต่อสุขภาพ เน้นผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ถั่วงา เต้าหู้ เห็ดต่างๆ ลดหวาน มัน เค็ม เลี่ยงทอด ผัดน้ำมันเยิ้ม เลี่ยงแป้งเลียนแบบเนื้อสัตว์
พญ.พรรณพิมล วิปุลากรรองปลัด สธ. รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย ให้ข้อมูลว่า ช่วงเทศกาลกินเจ ผู้ค้ารวมทั้งผู้ที่ปรุงประกอบอาหารกินเอง นอกจากจะคำนึงถึงความปลอดภัยในวัตถุดิบประเภทผักและผลไม้ก่อนนำไปปรุงอาหารด้วยการล้างให้สะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างหรือการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีตั้งแต่ให้ล้างด้วยน้ำไหล แช่ในน้ำนาน 15 นาที หรือแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5% แช่นาน 15 นาที หรือใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ซึ่งทั้ง 3 วิธีนี้จะช่วยลดสารเคมีตกค้างได้
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคควรเลือกใช้ผักปลอดสารพิษที่มีการรับรองจากแหล่งผลิตในการปรุงประกอบอาหารเจแทนการใช้ผักที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนสารพิษจะปลอดภัยกว่า ส่วนอาหารแห้งประเภทธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ฯลฯ
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการบริโภคคือ เชื้อราที่ปนเปื้อนในวัตถุดิบดังกล่าวที่เกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น เก็บไว้ในที่ชื้นเกินไปหรือไม่มีการอบให้แห้งดีพอ ก่อให้เกิดสารอะฟลา ท็อกซิน หากมีการบริโภคเข้าไปและมีการสะสมในปริมาณมากก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ ซึ่งการป้องกันที่ดีคือ ต้องเลือกถั่วเมล็ดแห้งที่ใหม่และเก็บไว้ในภาชนะที่แห้งพอ ก่อนนำมาปรุงประกอบอาหารควรล้างให้สะอาด
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สำหรับการเลือกซื้ออาหารเจสำเร็จรูป ควรเลือกร้านที่ผู้ปรุงจำหน่ายมีการสวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม ใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหาร หรือใส่ถุงมือ ไม่ใช้ภาชนะโฟมใส่อาหารเจ และควรเลือกซื้ออาหารเจจากร้านอาหารหรือแผงลอยมีป้ายสัญลักษณ์อาหารสะอาด รสชาติอร่อย (Clean Food Good Taste)
"ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรเลือกรับประทานอาหารที่มีถั่วหรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตร งา และเห็ดต่างๆ เพื่อเสริมโปรตีน เน้นข้าวกล้อง อาหารที่ปรุงประกอบด้วยผักต่างๆ เลี่ยงอาหารประเภทผัดน้ำมันเยิ้ม ทอด เพราะมีไขมันสูง หากได้รับมากเกินความจำเป็นของร่างกายจะทำให้น้ำหนักเกินและอ้วนได้ ลด หวาน มัน เค็มโดยเฉพาะน้ำมันในการปรุงอาหาร ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน เน้นอาหารเจประเภทต้ม นึ่ง อบ ยำ ที่มีผักเป็นส่วนประกอบ เช่น ลาบเต้าหู้ น้ำพริกเจผักเคียง ต้มจืดเจ ต้มยำเจ พะโล้เจ เลี่ยงผลิตภัณฑ์แป้งเลียนแบบเนื้อสัตว์"
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ส่วนอาหารเจที่เหลือจากการกินต้องใส่ตู้เย็น และนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนกินทุกครั้ง