กินยาแนวใหม่ แบบสมเหตุสมผล
แพทย์แนะ เลี่ยง ‘ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย’ เมื่อลูกน้อยเจ็บป่วย เพราะอาการป่วยส่วนใหญ่ของคนไทยเกิดจากเชื้อไวรัสไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย เน้นใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล
แฟ้มภาพ
รศ.พญ.วารุณี พรรณพานิช วานเดอพิทท์ กุมารแพทย์สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า เมื่อลูกเจ็บป่วย พ่อแม่มักจะให้ลูกรับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาต้านแบคทีเรีย ถือเป็นการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุสมผล เพราะเกือบ 100% อาการป่วยของลูกส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส เนื่องจากร่างกายมนุษย์จะมีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ตามระบบ อวัยวะต่างๆ ถือเป็นเจ้าถิ่น จึงเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยให้เชื้อแบคทีเรียอื่นเข้ามาแย่งพื้นที่ ดังนั้น การป่วย มีไข้ ส่วนใหญ่จึงเกิดจากเชื้อไวรัสที่เข้ามาก่อกวนระบบนิเวศของแบคทีเรียในร่างกาย จึงมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนภายหลังได้ ดังนั้น ช่วง 2-3 วันแรกที่ลูกป่วยอยากให้พ่อแม่ให้ยารักษาลูกตามอาการก่อน แต่หากลูกเริ่มมีอาการซึม นอนไม่ได้ ตรงนี้อาจเกิดเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เพราะมีความรุนแรงกว่า แต่ก็ไม่อยากให้ฟันธงว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียแล้วใช้ยาปฏิชีวนะทันที เพราะบางโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสก็ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ได้ เช่น ไข้เลือดออก เป็นต้น ดังนั้น เมื่อลูกเริ่มมีอาการมากขึ้นขอให้พาไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยจะดีกว่า
“การให้ยารักษาลูกตามอาการ พ่อแม่ผู้ปกครองมักรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผล ที่เป็นเช่นนี้เพราะเป็นการให้ยาที่ผิด เนื่องจากยารักษาตามอาการเหล่านี้ เช่น ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้หอบ จะออกฤทธิ์เร็ว หมดฤทธิ์เร็ว จึงต้องให้ยาตอนที่มีอาการ ซึ่งส่วนใหญ่อาการลูกมักจะเห่อขึ้นในช่วงกลางคืน เนื่องจากช่วงเช้าร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมา ทำให้อาการไข้ลดลง ยับยั้งภาวะอักเสบต่างๆ แต่ฮอร์โมนจะเริ่มหมดไปในช่วงกลางคืน ลูกจึงมักมีอาการป่วยในช่วงนี้ แต่พ่อแม่มักจะให้ลูกกินยาในมื้อเช้า กลางวัน เย็น ทำให้อาการของลูกไม่ดีขึ้นในเวลากลางคืน สิ่งสำคัญควรให้ยาตามอาการที่เกิดขึ้น “ รศ.พญ.วารุณี กล่าว
รศ.พญ.วารุณี กล่าวว่า ที่ผ่านมาแพทย์มักจะกำชับให้กินยาก่อนหรือหลังอาหาร เพราะสะดวก ช่วยให้ไม่ลืมกินยา ตอนนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว หากยาตัวใดที่ไม่มีผลระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือยาที่อาหารไม่มีผลต่อการดูดซึมของยา ก็ให้กินยาตอนที่มีอาการได้เลย ทั้งนี้ ต้องระวัง เพราะไม่ใช่บอกให้ยาตามอาการ ก็ให้ตลอด ต้องพิจารณาสภาพความเป็นจริงด้วย เช่น อาการป่วยนั้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่าง ไอมากๆ จนไม่สามารถนอนได้ มีน้ำมูกมากจนหายใจลำบาก เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความรู้ทั้งแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงแพทย์ด้วย ซึ่งปัจจุบันความรู้นั้นเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว จนแพทย์เองก็อาจตามไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการจัดทำคู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (Rational Drug Use) นำไปใช้ในแต่ละโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งการให้ยารักษาตามอาการก็เป็นหนึ่งเรื่องที่บรรจุในคู่มือนี้ด้วย เชื่อว่าจะช่วยลดการใช้ยาไม่สมเหตุสมผลลงได้
ที่มา: มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ