กาย-ใจ ‘ดี’ สร้างความสุขในองค์กร
"นิยามคำว่าความสุขของคนเรา มักแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับผมจะต้องมีครบถ้วนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ ถึงจะเรียกว่าความสุขที่แท้จริง"
"ชิเกรุ ยามาโตะ" ผู้อำนวยการโครงการ Happy Workplace International Project ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายถึงความสุขในมุมมองของเขาและเพิ่มเติมว่า คำว่าสุขภาพที่แข็งแรงในภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่นมีนิยามที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นการที่ ชาวญี่ปุ่นจะมาทำงานในประเทศไทยจำเป็น จะต้องเข้าใจถึงนิยามของคำว่าสุขภาพดีและ มีความสุขในแบบของคนไทย
นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ Happy Workplace Club (HWC) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้นแก่พนักงานไทยในองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สัญชาติญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย ตามหลักแนวคิดขององค์กรสุขภาวะ Happy Workplace Program หรือ Happy 8 ซึ่งประกอบด้วย 1. Happy Body สร้างร่างกายที่มีสุขภาพดีทั้งกายและจิตใจ 2. Happy Relax สร้างเวลาผ่อนคลาย 3. Happy Heart มีน้ำใจและความห่วงใย 4. Happy Soul บ่มเพาะคุณธรรมและความน่าเชื่อถือ 5. Happy Brain ส่งเสริมการศึกษาตลอดทั้งชีวิต 6. Happy Money เรียนรู้การบริหารจัดการเงินอย่าง เหมาะสม 7. Happy Family สร้าง สภาพแวดล้อมที่มีความสุขให้แก่พนักงานและครอบครัว และ 8. Happy Society สร้างสังคม ที่มีคุณภาพพร้อมกับจิตเมตตาต่อคนรอบข้าง
"ในระยะแรกระหว่างเดือนเมษายนถึงสิงหาคม 2558 นี้จะมีผู้บริหารญี่ปุ่นและพนักงานไทยจาก SMEs ทั้งหมด 8 บริษัท มาร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับสาระสำคัญของ Happy 8 ผมอยากให้ทั้งผู้บริหารและพนักงานได้เข้าใจคำว่า Happy 8 ก่อน และจากนั้นก็ให้แต่ละบริษัทได้ออกแบบการสร้างสุขภาวะในองค์กรของตัวเอง" ชิเกรุกล่าวสรุป
ขณะที่ "นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์" ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. เล่าถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ปัจจุบันธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ธุรกิจเหล่านี้ต่างจากบริษัทใหญ่ๆ ที่มีแบรนด์ระดับโลกตรงที่ยังไม่มีระบบการจัดการทรัพยากรบุคคล ฉะนั้นเราจึงต้องรีบหากระบวนการที่จะดูแลพนักงานไทยให้มี สุขภาวะที่ดี
"ธุรกิจที่เข้ามาในไทยตอนนี้จะไม่ใช่ภาพเดิมอย่างที่เราเคยเห็นเพราะญี่ปุ่นกำลังย้ายฐาน เข้ามา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องผลิตแต่รวมไปถึงด้านการบริการ เราต้องการดูแลคนในองค์กรที่มีผู้บริหารเป็นต่างชาติให้ดูแลสุขภาพ เรื่องคุณภาพชีวิตของพนักงานมากขึ้น ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารได้มีโอกาสมานั่งคุยกับพนักงานและสอบถามถึงปัญหาสุขภาพ เราก็เอางาน สสส. เข้าไป ภายใต้แนวคิด Happy 8 ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ทำในบริษัทของเมืองไทย เพียงแต่ต้องปรับให้ผู้บริหารซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นได้เข้าใจและเข้าถึงมากที่สุด ซึ่งสุดท้ายเราคาดหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปสู่บริษัทใหญ่ๆ จนเขาสามารถดูแลคนทั้งในองค์กรให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี" นพ.ชาญวิทย์อธิบาย
หนึ่งในตัวแทน SMEs อย่าง "คาซูนาริ ยามาโมโตะ" กรรมการผู้จัดการบริษัท โอสถสภา คาโกเมะ จำกัด บอกเล่าว่า บริษัทมีเป้าหมายหลักเพื่อให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรง โดยพยายามที่จะให้คนไทยได้มองเห็นประโยชน์ของการดื่มน้ำมะเขือเทศเพื่อการมีสุขภาพและ ผิวพรรณที่ดี แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมากลับ ลืมมองว่าสุขภาพของพนักงานเองก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ จึงได้เข้าร่วมกับโครงการฯ ครั้งนี้เพราะอยากจะศึกษาต่อว่า การดูแลสุขภาพของพนักงานไทยนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง และเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้บริหารบริษัทอื่นๆ พร้อมกับนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์
เช่นเดียวกับ "โช มัตสึชิตะ" ผู้อำนวยการบริษัท เออาร์เอ็มเอส ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาออกแบบทางด้านไอที และมีพนักงานส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น แต่เนื่องจากต้องการนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาพัฒนาสินค้าในประเทศไทย จึงกำลังจะขยายบริษัทและรับ คนงานไทยเพิ่มมากขึ้น
"การมาร่วมโครงการในครั้งนี้จึงต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดูแลสุขภาวะในองค์กร ทั้งของคนไทยและญี่ปุ่น อีกทั้งต้องการทราบแนวทางในการทำให้องค์กรมีความสุขนั้นเป็นอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้พนักงานของเราได้ทำงานอย่างมีความสุขเช่นกัน" โชทิ้งท้าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด