กรมสุขภาพจิตชี้เครียด-กดดันเสี่ยงเป็น “โรคหอบทางอารมณ์”
เผยพบมากในผู้หญิงวัยเรียน
กรมสุขภาพจิต เตือน เครียด กดดันสูง เสี่ยงเป็น “โรคหอบทางอารมณ์”แนะป้องกัน ควรสร้างความเข้มแข็งด้านจิตใจ เรียนรู้ และฝึกฝนในการเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นแนวทางการป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดที่จะทำให้ไม่เป็นโรคนี้
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์ความเครียดในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม หรือภาวะกดดันจากกรณีการรับน้องหรือการแข่งขันรายการเรียลลิตี้โชว์ตามที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ บุคคลที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคหอบทางอารมณ์หรือกลุ่มอาการหายใจเกิน (hyperventilation syndrome) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ ที่เกิดความวิตกกังวล เครียด กลัว หรือ แม้แต่ตกใจมากๆ ซึ่งอาการของโรคนี้ ได้แก่ การหายใจหอบลึก มือและเท้าจีบเกร็งคล้ายเป็นตะคริวเกิดขึ้นในทันทีทันใดหลังเกิดความเครียด อย่างไรก็ตาม โรคนี้เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่ต้องได้รับการบำบัดทางจิตใจ และจะหายขาดได้เมื่อผู้ป่วยสามารถพัฒนาจิตใจจนสามารถเผชิญกับความเครียดในภาวการณ์ต่างๆ ได้ ทั้งนี้ จะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะผู้หญิงและผู้ที่อยู่ในวัยเรียนอายุ 15-30 ปี
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้นำถุงกระดาษครอบตรงปากและจมูกของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยหายใจในถุงกระดาษนี้นาน 10-15 นาที เพื่อนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนสู่กระแสเลือด จะช่วยให้เลือดลดความเป็นด่างลง และ ทำให้แคลเซี่ยมในเลือดกลับสู่ระดับปกติ ซึ่งจะทำให้มือและเท้าหายเกร็งในที่สุด ขณะเดียวกันแนะนำให้ผู้ป่วยทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย หายใจช้าๆ ให้เขารู้สึกมั่นใจ อุ่นใจ ไม่วิตกกังวล ที่สำคัญ ญาติหรือคนใกล้ชิดควรทำความเข้าใจ หาสาเหตุของความคับข้องใจของผู้ป่วยและ หาทางแก้ไขตามเหตุผลที่เหมาะสม ตลอดจนปลอบและให้กำลังใจ แต่ไม่ใช่การเอาใจ หรือตามใจจนเกินเหตุ นอกจากนี้ ถ้าพบว่า ผู้ป่วยมีลักษณะอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ เช่น เมื่อได้รับการปฐมพยาบาลแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือเกิดอาการขึ้นโดยไม่มีสาเหตุมาจากความ คับข้องใจหรือถูกขัดใจ หรือมีอาการเจ็บป่วยทางกายร่วมด้วย เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคหืด โรคปวด โรคหัวใจ ซีด เท้าบวม หรือหายใจหอบโดยไม่มีอาการมือจีบเกร็ง หรือมีเพียงอาการ มือจีบเกร็งแต่ไม่หายใจหอบ ควรรีบพาผู้ป่วยพบแพทย์ทันที
นพ.ม.ล.สมชาย กล่าวว่า สำหรับแนวทางการป้องกัน ควรมีการสร้างความเข้มแข็งด้านจิตใจ เรียนรู้ และฝึกฝนในการเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นแนวทางการป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดที่จะทำให้ไม่เป็นโรคนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
update : 03-07-51