ไม่อยากติดเอดส์…อย่าปฏิเสธถุงยาง

 

ท๊อปออฟเดอะทาวน์ของสังคมไทยในขณะนี้ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นเรื่องของปัญหาการทำแท้ง ซึ่งที่ผ่านมามีการพบศพเด็กทารกกว่า 2000 ศพ เป็นข่าวคราวใหญ่โตเกือบแทบทุกหนังสือพิมพ์ แต่ในขณะที่หลายคน กำลังมัวแต่สนใจกับปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การทำแท้ง หรือสิทธิทางเพศนั้น กลับมีอีกหนึ่งสิ่งที่คอยเป็นมัจจุราชร้ายจ้องทำลายชีวิตมุษย์อย่างเราๆ นั่นคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 

โรคแบบนี้มีโอกาสติดกันได้แทบทุกคน ไม่ว่าหญิงหรือชาย ชื่อก็บอกแล้วว่าติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ ใครที่ไปมีสัมพันธ์ทางเพศกับคนเป็นโรคแล้วไม่รู้จักวิธีป้องกันก็ติดกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม และอื่นๆ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ “โรคเอดส์”

 

ก็จะไม่ให้น่ากลัวได้อย่างไร เมื่อปัจจุบันยังไม่มีการระบุออกมาเป็นทางการเลยว่า มีวิธีหรือยาตัวใดที่สามารถรักษาไอ้เจ้าโรคเอดส์นี้ได้ อีกทั้งล่าสุดจากข้อมูลของสาธารณสุข ยังบอกว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลกกว่า 60 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 25 ล้านคน ยังมีชีวิตอยู่ 35 ล้านคน สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ประมาณ 1,161,244 คน เสียชีวิต 644,128 คน ขณะนี้ ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 522,548 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่ลดลงเลยในช่วง 6-7 ปี

 

ขณะที่สถานการณ์ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มชายรักชายที่มาตรวจที่คลินิกสุขภาพชายของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ตั้งแต่เดือน  ม.ค. 2552-มิ.ย. 2553  มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 868 คน หรือ 1 ใน 3 ของเพศชายที่เข้ามาตรวจติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 30 นอกจากนี้ยังพบว่า หญิงซึ่งแต่งงานแล้วติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าหญิงโสด แต่ที่น่าสนใจพบหญิงให้บริการ ซึ่งเป็นตัวกลางในการรับเชื้อและแพร่กระจาย มีตัวเลขการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อมีอายุน้อยลง เนื่องจากขาดการรณรงค์ อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์ของชายรักชายจะมีความเสี่ยงสูงกว่าชายรักหญิง เพราะชายรักชายจะใช้ช่องทวารหนักที่มีความเปราะบาง เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าช่องคลอดเพศหญิง และถ้าหากชายรักชายมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันจะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีจากคู่สูง

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สสส. บอกกับเราว่า ไม่ว่าจะปัญหาการท้องไม่พร้อม ทำแท้ง หรือสิทธิทางเพศ ล้วนมีจุดรวมหรือต้นต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์แทบทั้งสิ้น และสิ่งน่ากลัวที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งในปัจจุบันมีมากมายหลายโรค แต่เอดส์ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่จำเป็นต้องเร่งรณรงค์แก้ไขโดยด่วน เพราะปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

            การจะห้ามในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้วิธีแก้ไขด้วยอุปกรณ์ป้องกัน อย่างถุงยางอนามัย ซึ่งในต่างประเทศมีการใช้กันทั้งในหญิงและชาย ซึ่งหากในประเทศไทยมีการนำมาใช้ในเพศหญิงด้วย น่าจะส่งผลให้เกิดการตื่นตัวที่จะป้องกันมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่า ผู้หญิงอย่างเราๆ ก็น่าจะต้องการป้องกันเช่นกันผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ บอก

 

            แต่เหตุที่ยังคงทำให้ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงสูงขึ้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก การไม่กล้าที่จะปฏิเสธคู่นอน หรือความเชื่อผิดๆ ในเรื่องของหากใส่ถุงยางอนามัยแล้วจะทำให้มีความสุขน้อยลง ไม่ให้เกียรติกัน ไม่เชื่อใจกัน ซึ่งนั่นทำให้ฝ่ายหญิงยอมที่จะไม่ใส่ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์

 

             หากปล่อยไว้เช่นนี้ ยอดผู้ติดเชื้อคงยังสูงขึ้นแบบฉุดไม่อยู่เป็นแน่ ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหา ผจก.แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ บอกต่อว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ ส่งเสริมในประชาชนหันมาใช้ถุงยางอนามัยให้มากขึ้น ต้องสร้างความเคยชินเปลี่ยนทัศนะคติให้มองว่าถุงยางอนามัยเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเดินเข้าไปซื้อหรือหยิบจับ อีกทั้งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรณรงค์ให้ปรับเปลี่ยนทัศนะคติเรื่องของการใส่ถุงยางอนามัย ว่าไม่ใช่เรื่องของการไม่เชื่อใจ ไม่ให้เกียรติหรือความสุขที่จะน้อยลง…

 

            นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็จำเป็นต้องให้เด็กคุ้นเคยกับถุงยางอนามัยตั้งแต่ยังเล็กๆ ให้มองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหากมาสอนในตอนโตแล้ว บางครั้งเด็กอาจไม่เคยนึกถึงถุงยางอนามัยเลยก็ว่าได้

 

            แต่การใดจะสำเร็จไปไม่ได้ หากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน ซึ่งในวันที่ 1 ธ.ค. ของทุกปีนั้น ถือเป็นวัน เอดส์โลก นั่นเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่เราจะใช้วันนี้เป็นการเริ่มต้น เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนทัศนะคติในเรื่องของการใส่ถุงยางอนามัย ให้มองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อป้องกันและช่วยกันลดยอดตัวเลขของผู้ติดเชื้อเอดส์ เพราะหากคุณช้า…โรคนี้อาจเกิดขึ้นกับคุณและคนที่คุณรักเมื่อไรก็เป็นได้

 

 

 

 

 

ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

 

 

Update:29-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code