แนะทำสมาธิป้องกันโรคหน้าร้อนได้
นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการใช้หลักสมาธิบำบัดลดโรคช่วงหน้าร้อนว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ มีศาสตร์ทั้งด้านการแพทย์แผนไทยและศาสตร์ด้านการแพทย์ทางเลือก สำหรับเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ได้นำไปประยุกต์ใช้ดูแลสุขภาพตนเองแบบง่ายๆ ประหยัดและได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าร้อนซึ่งปีนี้ร้อนมาก จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่จะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายจากสภาวะสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ด้านลบมากกว่า เพราะความร้อนส่งผลให้อารมณ์เกิดภาวะเครียด หงุดหงิด นอนไม่หลับ ไม่สบายตัว บางครั้งจะเกิดอารมณ์โกรธกันได้ง่ายๆ
จึงอยากแนะนำให้ประชาชนยึดหลักของวิธีการทางสมาธิบำบัดมาใช้กัน เพราะปัจจุบันองค์กรวิชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงสำนักงานการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ เร่งสนับสนุนการศึกษาวิจัยและส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า สมาธิเป็นจิตเวชศาสตร์ เป็นศาสตร์แห่งความเอื้ออาทรต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและวิญญาณของบุคคล การปฏิบัติสมาธิมีผลต่อระบบจิตประสาทภูมิคุ้มกันวิทยา
นพ.นรา กล่าวต่อว่า การปฏิบัติสมาธิเป็นเทคนิคที่มีกำเนิดจากทุกชาติ ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์ รวมทั้งวัฒนธรรมทางศาสนาอื่น จากการศึกษาวิจัยของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ เช่น รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.บรุช แมคอีแวน (Bruce McEvan) จิตแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเยล ได้รวบรวมงานวิจัยจำนวนมากพบว่า
ความเครียดทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เป็นเหตุให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้เร็วขึ้น ติดเชื้อไวรัสได้เร็วขึ้น เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดที่หัวใจ เป็นเหตุกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้อาการเบาหวานและโรคหอบหืดเลวลง เกิดลำไส้อักเสบ เซลล์สมองเสื่อมลง ความจำเสื่อมลง แม้กระทั่งงานวิจัยของ นพ.เซลดอน โคเฮน (Shedon Cohen) แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน พบว่าคนที่มีภาวะเครียดมักจะเกิดเริมที่ริมฝีปากและอวัยวะเพศบ่อยๆ คนที่โกรธมาก ขนาดของเส้นเลือดก็จะตีบมากด้วยเช่นกัน ล้วนเป็นผลร้ายทั้งสิ้น
ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยพบว่า คนที่มีอารมณ์ดี ร่าเริง มีความสุข มีเสียงหัวเราะบ่อยๆ มีจิตเมตตา จะมีเซลล์ของภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้น ดังนั้น ยืนยันได้ว่าการทำสมาธิจะช่วยได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน อยากแนะนำให้ใช้วิธีการนี้ดู สนใจข้อมูลติดต่อสำนักงานการแพทย์ทางเลือก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update : 06-05-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่