เรื่องใกล้ตัวที่ต้องระวัง
สารพัดสารพิษที่อยู่ในบ้าน
ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายนอกอาจทำให้เราหลงลืมไปว่า ในบ้านของเราก็มีสิ่งที่ควรให้ความสนใจให้มากเช่นกัน การสำรวจในสหรัฐฯ พบว่า อากาศในบ้านเป็นอันตรายมากกว่าอากาศภายนอกบ้านถึง 3-70 เท่า ขณะที่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของแคนาดายังพบอีกว่าสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาด สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้มากกว่ามลพิษในอากาศภายนอกถึง 3 เท่า และเด็กๆมีโอกาสรับพิษเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากสารพิษเหล่านี้จะมีน้ำหนักมากและลอยอยู่ใกล้พื้นมากกว่า
สารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ที่อาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ได้แก่
น้ำยาฟอกขาว เป็นสารละลายที่ประกอบด้วย sodium hypochlorite ประมาณ 10 % ส่วนใหญ่เด็กจะกินได้น้อยเนื่องจากจะแสบปากมาก พิษเมื่อเข้าสู่ร่างกายคือทำให้ คลื่นไส้ และท้องเสีย ควรปฐมพยาบาลด้วยการให้กินน้ำและนมมากๆ
น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ จะมีสารเคมีหลายชนิดผสมอยู่ แต่จะมีเป็นจำนวนน้อยและไม่ทำให้เกิดเป็นอันตราย ส่วนใหญ่เป็นการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ควรให้กินน้ำหรือนม ในกรณีที่กินเป็นจำนวนมากหรือกินน้ำยาเข้มข้นจะทำอันตรายต่อทางเดินอาหาร มีภาวะเลือดเป็นกรด ซึมหรือหมดสติ ปวดอักเสบจากการสำลัก และตับวายหรือไตวาย ความเสี่ยงมากที่สุดเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่มี phenol เป็นตัวผสมหลัก (เช่นchloroxyenol)
ผงซักฟอกหรือน้ำยา ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน มีฤทธิ์เป็นชนิด non-ionic, anionic และ cationic ถ้าเป็นชนิด non-ionic และ anionic จะมีพิษน้อยอันตรายก็ต่อเมื่อมีการสำลักฟองเข้ามาในหลอดลม ต้องคอยระวังเรื่องทางเดินหายใจ ส่วนชนิด cationic มีพิษมากแต่ไม่พบอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้าน
แอลกอฮอล์ น้ำหอม และน้ำยาล้างปาก รวมถึงน้ำยาที่ใช้หลังโกนหนวด พวกนี้จะมีตัวทำละลายจำพวก ethanol เป็นหลักสารพวกนี้มีพิษกดระบบประสาทส่วนกลางและกดการหายใจ น้ำหอม น้ำยาล้างปาก และน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์ประสมส่วนใหญ่จะมีขนาดน้อย ยกเว้นในเหล้า ถ้าดื่มเหล้าหรือยาที่เข้าเหล้าจะมี ethanol จำนวนมาก ซึ่งถ้ากินเข้าไปในปริมาณที่เทียบเท่ากับ 0.4 ซี.ซี.ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมของ ethanol บริสุทธิ์ pure ethanol จะต้องดูอาการในโรงพยาบาล เพราะ ethanol จะถูกดูดซึมได้เร็วมากทำให้การล้างท้องไม่มีประโยชน์
ยาฆ่าหนู มีหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่จะมี warfarin ซึ่งเป็นยาต้านการหยุดของเลือดและ lphachloralose ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ chloral เป็นส่วนประกอบ พวกนี้ทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก ต้องสังเกตอาการในเด็กที่ไม่มีอาการต้องสังเกตอาการไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง
น้ำมันต่างๆ พวกนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันได้แก่ paraffin, kerosene, น้ำมันเครื่อง, น้ำมันดีเซล, น้ำมันหล่อลื่น พิษต่อร่างกายแบบทั่วไปจะไม่มี แต่จะปอดอักเสบจากสารเคมีซึ่งเกิดจากการสำลัก
น้ำมันหอมระเหย จะมีส่วนผสมของ essential oils เมื่อกินเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองของทางเดินเยื่อบุอาหาร ทำให้มีอาการอาเจียน คลื่นไส้และท้องเสีย ผลต่อร่างกายทำให้เกิดการกดระบบประสาท ถ้าเข้าสู่ร่างกายทางจมูกจะทำให้เกิดการกดระบบหายใจและหยุดหายใจ ในเด็กที่ไม่มีอาการจะต้องดูอาการประมาณ 4-6 ชั่วโมง ควรให้ดื่มน้ำรักษาตามอาการ นอกจากนี้สารกลุ่มนี้ยังทำให้เกิดแผลที่เยื่อบุตาดำได้ ผลิตภัณฑ์จำพวก vapours rub ที่ทาหน้าอกจะมีส่วนผสมคล้ายกัน แต่จะมีส่วน ointment มาก ส่วนมากจะเป็นแค่การรบกวนทางเดินอาหารเล็กน้อย ไม่มีวิธีรักษาเฉพาะใดๆ
น้ำยาล้างเล็บ ส่วนใหญ่มี acetone หรือ ethyacetate เป็นตัวทำลายตัวอื่นอีก เมื่อกินเข้าไป acetone จะถูกดูดซึมจากกระเพราะและเยื่อเมือก ทำให้เกิดการระคายเคืองเฉพาะที่ อาเจียนและการกดระบบประสาทต้องให้อยู่สังเกตอาการในโรงพยาบาล
น้ำยาทาเล็บ จะมีสารพิษหลายอย่างโชคดีที่สารพิษแต่ละอย่างมีปริมาณเพียงเล็กน้อย และขวดบรรจุก็ขนาดเล็ก ดังนั้น ส่วนใหญ่เด็กจะได้รับเข้าไปในปริมาณน้อย ถ้ากินเข้าไปไม่มากกว่าหนึ่งขวดอาจไม่เกิดอันตราย ควรให้กินน้ำหรือนมมากๆ พิษของมันจะเกิดการรบกวนทางเดินอาหารบ้าง
ผงล้างหรือน้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างจาน เป็นด่างเข้มข้น ถ้ากินเข้าไปจะทำให้เกิดการกัดกร่อนรุนแรง ถึงแม้จะเป็นอยู่แค่ริมฝีปาก ในช่องปาก และลิ้น ถ้าพบจะต้องล้างน้ำยาที่เหลือออกจากผิวหนังและในปากให้หมด แล้วให้กินน้ำมาก
กาวตราช้าง ต้องเก็บแยกให้เด่นชัด เพราะเคยมีอุบัติเหตุ หยิบหลอดกาวตาช้างมาหยอดตา เพราะเข้าใจว่าเป็นยาหยอดตามาแล้ว ซึ่งแม้จะรักษาคนไข้ได้ทัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
ข้อควรจำ สารเคมีอันตราย ไม่ว่าจะพามากหรือน้อย ควรเก็บไว้ให้พ้นมือเด็กและคนชรา
ที่มา:วารสารสุขสาระ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2553
update:20-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย:คีตฌาณ์ ลอยเลิศ