เตือนผู้ชื่นชอบ เจาะ-สัก ร่างกาย ระวังไวรัสตับอักเสบซีมาเยือน
ไวรัสตับอักเสบซี เป็นอีกโรคที่มีไวรัสเป็นพาหะ ขณะนี้พบสูงขึ้นเรื่อยๆและน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะผู้ป่วยมักไม่รู้ว่าตัวเองได้รับเชื้อมา โดยเฉพาะการสัก การเจาะส่วนต่างๆในร่างกาย ล้วนแต่เป็นช่องทางให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายโดยตรง
พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ เลขาธิการมูลนิธิโรคตับ ได้กล่าวถึงโรคไวรัสตับอักเสบซีว่า เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน บางรายพบว่ามีไข้ต่ำ เมื่อยล้า คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ฯลฯ ทำให้ผู้ติดเชื้อคิดไม่ถึงว่า เป็นอาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี กว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อมักเป็นเรื้อรัง กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคตับแข็ง และลุกลามไปสู่มะเร็งตับในที่สุด
คุณหมออนุชิตบอกว่า สาเหตุของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี มักผ่านทางเลือด เช่น การเสพยาเสพติด ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การรับโลหิตจากการบริจาคโดยไม่ผ่านหน่วยคัดกรอง ผู้ป่วยล้างไต การสัก เจาะหู หรือเจาะตามอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกาย ฯลฯ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้อยู่ในภาวะเสี่ยงเหล่านี้ควรได้รับการตรวจเลือด เพื่อวางแผนการรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันการตรวจหาเชื้อทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบซี หากผลออกมาเป็นบวก แพทย์จะให้ตรวจยืนยันอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่ามีเชื้อไวรัสจริงหรือไม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองก็ไม่แพง มีบริการตรวจทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน สำหรับผู้ที่ตรวจแล้วพบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี แพทย์จะทำการประเมินการรักษา หากมีแนวโน้มว่า โรคจะพัฒนาไปเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ แพทย์จะพิจารณาให้การรักษา โดยยาที่ใช้รักษาเป็นยาเพ็คอินเตอร์เฟอรอน ฉีดสัปดาห์ละครั้งร่วมกับยารับประทานนาน 24-48 สัปดาห์ แม้ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี แต่ก็มียารักษาให้หายขาดได้ ทางที่ดีจึงควรตรวจคัดกรองเบื้องต้นให้แน่ใจก่อนจะสายเกินแก้ เพราะไวรัสตับอักเสบซีเป็นแล้ว “ร้ายกว่าที่คิดแน่นอน”
ที่มา :หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ