เชิดชูเกียรตินายอำเภอ นักรณรงค์เลิกเหล้า

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


เชิดชูเกียรตินายอำเภอนักรณรงค์เลิกเหล้า thaihealth


จากผลสำรวจองค์การอนามัยโลก พบว่า ประเทศไทยมีผู้ดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับ 40 ของโลก และสุราเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง 90% หลายหน่วยงานจึงได้รณรงค์ "ลด-ละ-เลิกเหล้า"


โดยหน่วยงานที่จุดประกายการรณรงค์งดเหล้าเป็นหน่วยงานแรกๆ อย่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เล็งเห็นโอกาสในช่วงเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรณรงค์งดเหล้า โดยในปีนี้ได้เน้นให้เห็นคุณค่าของการงดเหล้าที่จะช่วยฟื้นฟูตับเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน


การทำงานรณรงค์ให้ประชาชนงดเหล้าได้สำเร็จ จะต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของผู้นำชุมชน ผู้นำในพื้นที่เป็นต้นแบบให้กับคนในชุมชน เหตุนี้ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่นายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นงดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยง ประจำปี 2558-2559 จำนวน 148 คนจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลงานสนับสนุนการรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยงอย่างโดดเด่น และดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง


นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สสส.มีพันธกิจสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ยั่งยืนครอบ คลุมทั้ง 4 มิติ คือ กาย จิตใจ ปัญญา และสังคม การรณรงค์งดเหล้าถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ ของการขับเคลื่อนสุขภาวะที่ยั่งยืนของไทย จากการจัดโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน พบว่า เพศชายมีอัตราการดื่มที่สูงกว่าเพศหญิง แต่จะมีแนวโน้มการดื่มแอลกอฮอล์ลดลงเรื่อยๆ จาก 55.8% ในปี 2544 มาเป็น 52.9% ในปี 2558


เชิดชูเกียรตินายอำเภอนักรณรงค์เลิกเหล้า thaihealth


ขณะที่ เพศหญิงมีอัตราการดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 9.79 ในปี 2544 มาเป็นร้อยละ 12.92 ในปี 2558 ส่วนในกลุ่มของวัยรุ่นที่ดื่มหนัก โดยเฉลี่ย 12 ครั้ง/ปี เมื่อปี 2547 ขณะนี้ลดลงมาเหลือ 6 ครั้ง/ปี สำหรับค่าใช้จ่ายในการดื่มแอลกอฮอล์ต่อครัวเรือน ได้ลดลงต่อเนื่องเช่นกัน จาก 154,900 ล้านบาท เมื่อปี 2550 ขณะนี้ลดลงมาเหลืออยู่ที่ 141,000 ล้านบาท


"สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้จัดโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันมีผู้คนตั้งใจงดดื่มเหล้าตลอด 3 เดือนถึง 33% สะท้อนให้เห็นว่า โอกาสงานบุญ เทศกาลสำคัญต่างๆ จะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนไทยกลับเข้ามาสู่ครรลองที่ถูกต้อง จากการถอดบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า นโยบายต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน เป็นนโยบายที่เกื้อกูลต่อระบบปฏิบัติงานต่างๆ และเข้าถึงชุมชนได้มากที่สุด สอดคล้องกับพันธกิจของ สสส.ในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ยั่งยืน" นายแพทย์คำนวณ กล่าว


ขณะที่ เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรงดเหล้า โดยการสนับสนุนของ สสส. ขอชื่นชม และแสดงความยินดีกับนายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นทุกคน ที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติครั้งนี้ คนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 26,000 คน ขณะที่องค์การอนามัยโลก ยังระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของ 200 โรค อีกทั้งงานวิจัยล่าสุดบอกอีกว่า แม้ดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยเป็นการเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็ง 7 อวัยวะ ตั้งแต่ปากจนถึงลำไส้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจชาติปีละไม่ต่ำกว่า 350,000 ล้าน สรุปแล้วแอลกอฮอล์ทำลายทุกมิติในสังคม


เชิดชูเกียรตินายอำเภอนักรณรงค์เลิกเหล้า thaihealth


"งานในวันนี้มีวัตถุประสงค์เชิดชูเกียรตินายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นนักรณรงค์งดเหล้า ที่ให้การสนับสนุนลดปัจจัยเสี่ยงงดเหล้า ร่วมกับประชาคมงดเหล้าและองค์กรต่างๆ โดยใช้โอกาสช่วงวันเข้าพรรษา รณรงค์ในงานศพ งานบุญปลอดเหล้าและมีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำให้การเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำได้ยากขึ้น และยังป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปสู่วงจรการเป็นนักดื่มอีกด้วย" เภสัชกรสงกรานต์ เผยเป้าหมายการจัดงาน


หนึ่งในผู้นำต้นแบบของชุมชน ที่ประสบความสำเร็จในการรณรงค์งดเหล้า นายรัฐวุฒิชัย ใจกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านตุ่ง จ.พะเยา กล่าวว่า ชุมชนประสบความสำเร็จรณรงค์งดเหล้าด้วยการร่วมมือกับผู้นำชุมชนและพระภิกษุสงฆ์ โดยใช้กุศโลบายหลัก 2 แนวทาง คือ 1.งานบุญ งานประเพณี รวมถึงงานศพ หากมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเกี่ยวข้องจะไม่มีพระภิกษุสงฆ์ หรือผู้นำชุมชนไปร่วมงานนั้น 2.จัดให้มีการแข่งขันระหว่างชุมชน เพื่อก้าวสู่การเป็นชุมชนต้นแบบปลอดเหล้า โดยส่งเสริมให้ชุมชนช่วยกันรณรงค์และปลูกฝังลูกหลานห่างไกลอบายมุข


เช่นเดียวกับ นายณรงค์ จันทร์ทอง นายอำเภอจอมพระ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า สร้างชุมชนปลอดเหล้าได้สำเร็จ จากการนำปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่มีต้นเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ของคนในชุมชนมาเป็นโจทย์ จากนั้นเริ่มต้นให้ผู้นำชุมชนไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรา และนำความรู้เข้าสู่ชุมชน เพื่อหาแนวร่วมในการตระหนักถึงโทษของสุรา เริ่มจากกฎ 3 ข้อ คือ หนึ่ง เยาวชนห้ามลอง ห้ามใกล้ สอง ต้องขายสุราเป็นเวลา สาม ลด ละ เลิกอบายมุขได้ มีรางวัล มีการตรวจประเมินผลทุกเดือน นอกจากนี้ได้นำนักดื่มที่สามารถเลิกได้มาเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องโทษของสุรา และช่วยกันสอดส่องดูแลพัฒนาชุมชนให้ปลอดเหล้าอย่างถาวร


งานนี้ถือเป็นกำลังใจสำคัญให้กับนักปกครองและผู้นำชุมชน ผู้ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการรณรงค์ปลอดเหล้าและสร้างรูปธรรมให้เกิดค่านิยมใหม่ในสังคมไทยให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้มากขึ้น


 

Shares:
QR Code :
QR Code