สะพาน-ทางด่วนอันตราย เสี่ยงถล่มหากแผ่นดินไหว
นักวิชาการเตือนหากเกิดแผ่นดินไหว กทม. จะรุนแรงเป็น 3 เท่า เนื่องจากดินอ่อน อาคารไม่ได้สร้างรับแผ่นดินไหว เสี่ยงสุดคือ สะพาน ทางด่วน คานหล่นจากหัวเสาง่าย เพราะวางหมิ่นเหม่
รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (ait) หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทยกล่าวในการเสวนาทางวิชาการเรื่อง “การเตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหว” ถึงภาพรวมแผ่นดินไหวในประเทศไทยและพื้นที่ กทม. ว่าแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดกระจายในทุกๆที่ แต่เกิดบางแนว ส่วนของประเทศไทยไม่ได้เกิดขึ้นตรงๆ ยกเว้นบริเวณที่เกิดมากๆ
รศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าวอีกว่า งานวิจัยพบว่า กทม. มีสภาพดินอ่อน หากเกิดแผ่นดินไหวจะสามารถขยายความรุนแรงได้เพิ่มเป็น 3 เท่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออาคารสูง แม้จะเกิดแผ่นดินไหวจากที่อื่น ดังนั้น หากเกิดแผ่นดินไหวอาจทำให้ได้รับผลกระทบแบบเดียวกัน โดยรอยเลื่อนที่ใกล้ กทม. ที่สุดคือ แนวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ระยะทางประมาณ 200 เมตร
ปัญหาที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้คือ คนยังไม่ค่อยรู้และยังใช้ไม่เป็นเกี่ยวกับมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว หรือ มยผ. 1301 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) พ.ศ. 2554 และมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว หรือ มยผ. 1302 พ.ศ. 2552 ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดคือ ปัญหาอาคารที่สร้างไปแล้วที่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคารในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก
ด้าน รศ.ดร.อมร พิมานมาศ ประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมโครงสร้างและสะพาน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสถ.) กล่าวว่า สิ่งที่น่า เป็นห่วงนอกเหนือจากอาคารถล่มคือ ทางด่วนและสะพานต่างๆ มีโอกาสที่คานจะหล่นจากหัวเสาได้ง่าย เพราะพื้นที่การตั้งวางมีระยะหมิ่นเหม่ต่อการหล่นมาก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็อาจเคลื่อนตัวและหล่นลงมาได้ สะพานและทางด่วนเหล่านี้แม้จะแข็งแรงก็จริง แต่ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานรองรับที่ชัดเจน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งสำรวจตรวจสอบ
นายพินิต เลิศอุดมธนา ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กทม.กล่าวว่า แม้รัฐจะมีการออกกฎกระทรวงที่รัดกุมแค่ไหนก็ตาม แต่หากทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ทุกวันนี้เกิดปัญหาวิศวกรยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคารไม่ตรงตามความเป็นจริง โดยเอาแบบอื่นมาสวมแทน อีกทั้งมีการเซ็นชื่อในใบประจำตัววิศวกรแทนกัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้