สสส.และภาคีขยายศูย์การสื่อสารสุขภาพสู่ภูมิภาคระยะที่สอง
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จับมือกับ 4 ศูนย์เรียนรู้ทั่วไทย เปิด "ศูนย์เรียนรู้ สุขภาวะภูมิภาค" ระยะที่ 2 ต่อเนื่อง จนถึง ปี พ.ศ.2565 โดยตระหนักว่าความรู้ต่างๆ มีอยู่รอบตัวเราเสมอ ดังนั้นการเรียนรู้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต โดยที่เราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ทุกวัน
พร้อมกันนี้ สสส. ได้นำเสนอแนวทางให้อีก 4 พื้นที่ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ส่งเสริมองค์ความรู้ของประชาชน และเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้พัฒนาตนเองด้านสุขภาวะได้อย่างถูกต้อง สำหรับ 4 ศูนย์การเรียนรู้ได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาลำปาง, ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อ การศึกษาร้อยเอ็ด, ศูนย์การเรียนรู้ เมืองฉะเชิงเทรา และอุทยานการเรียนรู้ยะลา ที่ร่วมลงนามบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือและการพัฒนาเพื่อขยายศูนย์เรียนรู้สุขภาวะภูมิภาค ระยะที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความตระหนักในการสร้างเสริมสุขภาพ ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สุขภาพดีที่สมบูรณ์แบบสร้างได้ด้วยการหนุนเสริมให้มีสุขภาวะ ที่ดีทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ กาย ใจ สังคม และปัญญา ที่จะช่วยเสริมขีดความสามารถทั้งด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อสุขภาวะของคนไทย โดยผ่านพันธกิจที่ มุ่งเน้นสานเสริมพลังให้องค์กรทุกภาคส่วน มีพลังที่จะช่วยกันสร้างสรรค์ระบบ สังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี นำไปสู่ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่เรียกว่า "ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ" ในภูมิภาคขึ้น เพื่อให้ประชาชนในทุก พื้นที่ได้รับการถูกกระตุ้นส่งเสริมให้ตื่นรู้ ตระหนักถึงการรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง ตลอดจน สามารถดำเนินชีวิตที่มีสุขภาวะที่ดียิ่งขึ้น
ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ยังได้กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะและเครือข่ายได้เปิดให้บริการและจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านรูปแบบการเรียนรู้สร้างสรรค์ เพื่อขยายฐานผู้ที่ได้รับ ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านสุขภาวะและวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี ซึ่งก้าวแรกของความสำเร็จริเริ่มจาก 4 พื้นที่นำร่อง ในปี พ.ศ.2558 ก่อน และพร้อมจะขยายไปสู่อีก 4 พื้นที่ในปี พ.ศ.2561 คือ โรงพยาบาลน่าน ห้องสมุดเพื่อประชาชนเทศบาลนครอุดรธานี ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครสวรรค์ และอุทยานการเรียนรู้นครภูเก็ต ซึ่งการเปิดศูนย์ทั้งหมดจะเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้สุขภาวะ สนับสนุนการพัฒนาบุคคล การจัดกระบวนการด้านสุขภาวะและบริหารจัดการพื้นที่เรียนรู้ ติดตามประเมินผล พร้อมให้คำปรึกษาแบบเพื่อนคู่คิด และให้ชุมชนนำแนวคิดไปต่อยอดเป็นโครงการสร้างสุขภาพใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องสืบไป
นางสาววธนัน ถ้วนถวิล ผู้จัดการอุทยานการเรียนรู้ยะลา ได้เล่าถึง การทำงานในพื้นที่ต่างๆ ของการเรียนรู้ว่า ไม่เหมือนกัน ซึ่งของจังหวัดยะลา เนื่องจากมีพื้นฐานเป็นสังคมวัฒนธรรมในรูปแบบพาหุวัฒนธรรมต้องใช้การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งละเอียดอ่อนในการดำเนินงาน โดยหลักกระบวนการทำงานจะเน้นในเรื่องการปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นกลางเข้ากับคนในพื้นที่ได้ทุก ช่วงวัย สามารถจับต้องได้โดยไม่มีข้อแม้ โดยในช่วงแรกที่ดำเนินงานพบปัญหาไม้น้อย แต่ยะลาใช้หลักการทำงานที่ถูกต้อง คือ การ คัดแยกประเด็นหาสาเหตุ เพื่อให้แก้ไขได้ ตรงจุด ผนวกกับการนำหลักองค์ความรู้ด้านสุขภาวะของ สสส. มาปรับใช้ในกิจกรรมของคนในพื้นที่ให้ถูกต้องตามหลักสุขภาพมากขึ้น เช่น โครงการ "ลดพุงลดโรค" ที่เข้าถึง ได้ทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ และผูกรอยต่อไปถึงเรื่องอาหาร การปลูกผัก ทำให้คนในพื้นที่ได้รับ องค์ความรู้ใหม่ๆ รู้ว่าผักอินทรีย์ที่ปลอดภัยเป็นอย่างไร การกินอาหาร ที่ถูกหลักโภชนาการ การออกกำลังกาย ที่เหมาะสมต้องทำอย่างไร ซึ่งสสส.มีคู่มือเอกสารที่มีความน่าสนใจ ประชนชนอ่านเข้าใจง่าย มีหลักการปฏิบัติง่ายไม่ซับซ้อน เช่น เลือกกินลดพุงลดโรค เลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด ไขมัน และเน้นการกินแบบ ต้ม อบ ตุ๋น นึ่ง แทน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของคนในพื้นที่อย่างมาก
นางสาววธนัน กล่าวทิ้งท้าย เพิ่มเติมให้ทราบว่า จากโครงการสวนผักคนเมือง ของสสส.ทางนายกเทศมนตรีนครยะลา ได้นำไปต่อยอดกับกิจกรรมของชาวยะลา ในโครงการ ยะลา คลู ดาว (Yala Cool Down) ซึ่งเป็นแนวคิด ขยะรักษ์โลก จัดขึ้นที่ TK PARK YALA เพื่อตอบโจทย์ คนรักสุขภาพ ให้คนในพื้นที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ยะลากลายเป็นเมืองสะอาด อากาศดี สุขภาพดี เสริมสร้างสุขภาวะคนไทยให้ยั่งยืน ต่อไป
การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้สุขภาวะภูมิภาคที่เกิดขึ้น จะเป็นการช่วยพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของ ทุกคนให้เข้าถึงง่ายขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างสังคมสุขภาวะที่ดี และยังเป็นศูนย์กลางในการสื่อสารข้อมูลสุขภาพขยายสู่คนรอบข้างและสังคม ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ศูนย์ดังกล่าวนี้จะช่วยพัฒนาบุคลากร ในท้องถิ่นให้เป็นนักสร้างเสริมการ เรียนรู้ด้านสุขภาวะเพื่อให้เกิดประโยชน์ ให้คนในพื้นที่ต่อไป