สสส.-สคล.-DDD รณรงค์ปีใหม่…ไม่ให้เหล้า”รับปีกระต่าย
สสส.-สคล.-DDD รณรงค์ปีใหม่...ไม่ให้เหล้า”รับปีกระต่าย “ชี้ช่วงหยุดยาวคนไทยแห่ฉลองเพิ่มหลายเท่าตัว ย้ำหากให้เหล้าเป็นของฝากเท่ากับตัดตอนชีวิตตายผ่อนส่ง แนะผู้ขายต้องมีจิตสำนึก ขณะที่เหยื่อจากน้ำเมา ต้องประสบชะตากรรมเส้นเลือดในสมองแตก สะท้อนสิ่งที่ก้าวพลาด วอนเป็นอุทาหรณ์พึ่งเหล้าต้องสูญเสียทั้งชีวิต
วันนี้ (24ธ.ค.) ที่อนุสาวรีย์ชัย เมื่อเวลา10.30 น. สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า (DDD) จัดกิจกรรมรณรงค์ ให้เหล้า = แช่ง ตอน “ปีใหม่..ไม่ให้เหล้า” ทั้งนี้ภายในงานได้มีการแสดงจำลองสถานการณ์ ประชุมซานต้า เพื่อพิจารณาการไม่ให้เหล้าเป็นของขวัญ โดยมีซานต้าเหยื่อเมาแล้วขับ ซานต้าที่ถูกคนเมาทำร้ายร่างกาย และซานต้าเยาวชนร่วมประชุม จากนั้นทางเครือข่ายฯ พร้อมด้วยผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมเดินรณรงค์ แจกสื่อรณรงค์ สติกเกอร์ เข็มกลัด และชูป้ายคำขวัญเชิญชวนประชาชน “ปีใหม่…ไม่ให้เหล้า” “มอบความปรารถนาดี อย่ามีเหล้า” ที่บริเวณป้ายรถเมล์ ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี
นายสมศักดิ์ ศิริพันธุ์ ผู้จัดการเครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า(DDD) กล่าวว่า การรณรงค์เพื่อไม่ให้ประชาชนมอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญในวันปีใหม่และทุกๆเทศกาลเป็นสิ่งจำเป็น เพราะปัญหาตอนนี้คือ ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเคยชิน มองว่าการให้เหล้าเป็นของขวัญถือเป็นเรื่องธรรมดา บางคนมองว่าเหล้าเป็นตัวบอกความมีระดับของผู้ให้และผู้รับ โดยเฉพาะกลุ่มที่ดื่มฉลองสังสรรค์กันบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่นี้การดื่มฉลองและซื้อของฝากจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และค่านิยมของผู้ที่ไปร่วมงานส่วนใหญ่ต้องการไปดื่มเหล้าเท่านั้น หรือแม้กระทั้งการเดินทางช่วงนี้ยังพบว่ายังมีการดื่มขณะเดินทางทั้งในรถและท้ายกระบะจนกลายเป็นภาพที่ชินตา แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะผลสำรวจของเอแบคโพล ในปี 2553 ระบุว่า 71.6% คนไทยมองว่าไม่ควรให้ของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นโทษกับผู้อื่น สอดคล้องกับผลสำรวจปี 2552 ที่บอกว่าสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญนอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากที่สุด คือ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รองลงมาเป็น เค้ก ต้นไม้มงคล หนังสือ สินค้าโอทอป และของขวัญทำเอง ตามลำดับ
“การให้ของขวัญในเทศกาลแห่งความสุข เพื่อคนที่เรารัก ไม่จำเป็นต้องเป็นเหล้า แต่ควรมองว่าคนที่เรารักต้องการอะไรที่ไม่ทำลายสุขภาพ ดังนั้นจึงไม่ควรไปตัดตอนชีวิตด้วยการให้เหล้าเป็นของขวัญ เพราะเท่ากับส่งเสริมให้ตายผ่อนส่ง ทั้งนี้หากต้องการปรับเปลี่ยนค่านิยมแบบเดิมๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งรณรงค์อย่างต่อเนื่องไม่ใช่ทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น เพราะการดื่มฉลองเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่มีกำลังทรัพย์สามารถซื้อเหล้าเพื่อไปดื่มฉลองได้ตลอดเวลา” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า แม้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 30 (5) ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือลักษณะของการกำหนดเงื่อนไขการขายในลักษณะที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้โดยทางตรงหรือทางอ้อม และมาตรา 32 ว่าด้วยเรื่องการโฆษณาหรือส่งเสริมการขาย ซึ่งด้วยกฎหมายไม่ได้ห้ามมิให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงแต่ห้ามจัดกระเช้ามีเหล้าวางโชว์เพื่อขาย แต่ร้านค้าสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตามปกติ และสามารถจัดกระเช้าได้ตามการร้องขอของลูกค้า จึงอยากร้องขอให้ผู้จำหน่ายต้องมีความรับผิดชอบและจิตสำนึกในการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมโดยร่วมปฏิบัติตามกฎหมาย
ด้าน นางสุวรรณา พิสุทธิโกเมน อายุ 45 ปี เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ตนเริ่มดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ เนื่องจากเห็นญาติทางบ้านดื่มจนทำให้มองว่าเป็นเรื่องปกติ และทำให้อยากลองดื่มบ้าง จากนั้นก็ได้ชักชวนเพื่อนดื่มฉลองทั้งงานวันเกิด เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งการใช้ชีวิตของตนต้องมีเหล้าเป็นส่วนประกอบของชีวิต หลังจากแต่งงานในปี 2549 เป็นช่วงที่ดื่มหนักเพราะมีปัญหากับสามี มีปากเสียงทะเลาะกันทุกวันจนถึงขั้นต้องแยกทางกันทั้งที่ตนยังตั้งครรภ์อยู่ หลังจากแยกทางกับสามี ทำให้ตนต้องกลายเป็นคนติดเหล้า ต้องดื่มเพื่อประชดชีวิต แต่ละวันต้องดื่มเหล้าขาวอย่างน้อย 2 ขวด หลังจากนั้นผลกระทบที่ตามมาทำให้ตนต้องกลายเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก สมองซีกซ้ายต้องเป็นอัมพาต ชีวิตช่วงนั้นไม่ต่างอะไรกับคนพิการ เหมือนตายทั้งเป็น
“อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนหันมารักชีวิตและเห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะการประชดชีวิตด้วยการดื่มเหล้าถือเป็นภัยที่ร้ายแรง เมื่อพลาดขึ้นมาแล้วไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ดังนั้นต้องรักตัวเองให้มาก อย่าเอาชีวิตมาทิ้งกับสิ่งมึนเมา และการให้เหล้าเป็นของขวัญไม่ว่าจะเป็นในเทศกาลใดก็ตาม ก็ไม่ต่างกับการให้ยาพิษกับคนที่เรารัก ดังนั้นการส่งมอบความปราถนาดีนับจากนี้ไปต้องไม่มีเหล้า” นางสุวรรณา กล่าว
ที่มา:สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า
Update:24-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย:คีตฌาณ์ ลอยเลิศ