สสส.ระดมอาสาสมัครจับตานักบิดทั่วไทย

หวังลดอุบัติเหตุปีใหม่ 53

สสส.ระดมอาสาสมัครจับตานักบิดทั่วไทย 

          รัฐบาลมีนโยบายประกาศให้ปี 2553 เป็นปีแห่งความปลอดภัยและกำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าหมายลดอุบัติเหตุลงให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ผ่านมาอุบัติเหตุทางถนนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศปีละ 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 3 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ โดยในปี 2555 กำหนดให้เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายลดผู้เสียชีวิตลงจากอุบัติ   เหตุทางถนนให้  เหลือปีละ 14.15 คนต่อประชากร 1 แสนคน

 

          สำหรับในช่วงปีใหม่ระหว่างวันที่ 29-4 ธ.ค. 2553 ศูนย์ความปลอดภัยทางถนน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท ขนส่ง จำกัดและบริษัทดัชมิลล์ ร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 2553 ภายใต้โครงการ ดื่มนมทั่วไทย ปลอดภัยทั่วประเทศ

 

          นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผอ.สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า เพื่อเฝ้าระวังลดการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางศูนย์ประสานงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุภาคประชาสังคมเพื่อความปลอดภัยทางถนน เน้นประชาสัมพันธ์กลุ่มจักรยานยนต์เป็นหลักโดยเฉพาะเมาแล้วขับ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจัดกิจกรรมเฝ้าระวังตลอดช่วงปีใหม่ 7 วัน โดยอาสาสมัครกลุ่มเยาวชน 20,000 คน จากมูลนิธิเครือข่ายศูนย์เสมาส่งเสริมศีลธรรม ทำหน้าที่ตั้งจุดบริการ ตามปั๊มน้ำมัน สถานีขนส่ง สถานศึกษา สถานที่จัดงานรื่นเริง เพื่อเฝ้าระวัง แจ้งจุดสกัดรถเมาแล้วขับ พร้อมบริการแจกนมพร้อมดื่ม ผ้าเย็น ภายใต้โครงการ ดื่มนมทั่วไทย ปลอดภัยทั่วประเทศ

 

          พร้อมกันนี้ได้ระดมอาสาสมัคร จากสมาคมหมออนามัย จำนวน 12,000 คน สมาคมอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาสังคมไทย (อสม.) จำนวน 10,000 คน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 8,000 คน เตรียมตั้งจุดตรวจความปลอดภัยในท้องถิ่น 75 จังหวัดทั่วประเทศ

 

          จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาพบว่า ผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตเป็นเพศชาย 75 เปอร์เซ็นต์ มีอายุ 15-24 ปี ซึ่งการ   บาดเจ็บในช่วงเทศกาลจะพบมากกว่าช่วงปกติถึง 1.4 เท่า ส่วนรถที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยสุด ได้แก่รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดจากเมาแล้วขับ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ 6.6 เท่า และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต 9.6 เท่าของผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์  ส่งผลให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต้องทำงานมากกว่าช่วงปกติ 2-4 เท่า และรัฐต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วยมานิต อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกเล่า

 

          ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่าอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสาธารณ สุขของไทย โดยมีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง จากข้อมูลวิชาการระบุว่าเหล้าคือตัวอันตรายผู้ที่ดื่มแล้ว    ขับ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเกือบ 10เท่า เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเกือบ 7 เท่า ซึ่งตัวเลข      ของผู้เสียชีวิตช่วงเทศกาลปีใหม่แม้จะมีจำนวนลดลงจากปี 2551 มีผู้เสียชีวิต 401 ราย และปี 2552 ลดลงเหลือ 367 ราย แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 คงต้องเน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ

 

          สำหรับมาตรการที่นำมาใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้แก่ ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกัน    และลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ในระดับจังหวัด อำเภอ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งจุดตรวจ ตามเส้นทางหลัก สถานที่ชุมชน สถานบันเทิง หากมีการฝ่าฝืนหรือกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุดตามมาตรการ 3ม 2ข 1ร

 

          แยกผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎจราจรหรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุไม่ให้ออกไปใช้รถใช้ถนน โดยขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งจุดสกัดประจำชุมชน หมู่บ้าน อีกทั้งประชาสัมพันธ์ให้ระวังจุดเสี่ยงตามสี่แยกทางโค้ง

 

          ตรวจสอบจุดอันตราย เช่น สภาพถนนที่ไม่สมบูรณ์ และตรวจสอบสภาพยานพาหนะ ทุกจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีความพร้อมของหน่วยกู้ภัย ทั้งบุคลากร เครื่องมือ ระดมทุกวิถีทางเพื่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

 

Update: 04-01-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code