สสค.เปิดกรณีศึกษาภัยพิบัติน้ำท่วม 19 ชาติ

สสค.เปิดกรณีศึกษาภัยพิบัติน้ำท่วม 19 ชาติขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก  เพื่อนำสู่การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการในปี 2001 โดยเปลี่ยนหลักการจากการควบคุมอุทกภัย (flood control) เป็นการจัดการอุทกภัยแบบบูรณาการ (integrated flood management/ifm)

ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาด้านวิชาการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำถือเป็นสิ่งที่ประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (world meteorological organization/wmo) และองค์กรอิสระระหว่างประเทศ ในนาม “หุ้นส่วนน้ำโลก” (global water partnership/gmp) ได้จัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ

(integrated water resources management/iwrm ) ขึ้นในปี 2001 ซึ่งได้รวบรวมกรณีศึกษาการเกิดน้ำท่วม 19 กรณีทั่วโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น บราซิล แคนาคา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น เพื่อนำสู่การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการในปี 2001 โดยเปลี่ยนหลักการจากการควบคุมอุทกภัย (flood control) เป็นการจัดการอุทกภัยแบบบูรณาการ (integrated flood management/ifm) ซึ่งเป็นการบูรณาการทั้งมาตรการใช้สิ่งก่อสร้างและไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง การจัดการน้ำและดิน การอนุรักษ์และการพัฒนา ตลอดจนบูรณาการแผนงาน/โครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีฐานความรู้เรื่องการจัดการอุทกภัย เพื่อนำไปใช้ในการจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำและบริหารงานอ่างเก็บน้ำ ให้มีความเสียหายจากอุทกภัยให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้จากกรณีศึกษาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทั่วโลกในโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ จึงได้มีการจัดระดับความสูญเสียออกเป็น 3 ระดับ เพื่อประเมินถึงการจัดการต่อผลกระทบทางตรง ทางอ้อม และความสูญเสียอื่นๆ ที่ตามมา โดยความสูญเสียระดับที่ 1 คือ ความสูญเสียในอาคาร สิ่งปลูกสร้างและผลผลิต ผลกระทบโดยอ้อมที่จะเกิดขึ้นคือ ความสูญเสียในชีวิต การผลิตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ตลอดจนการอุปโภคบริโภคทั้งเรื่องน้ำและไฟฟ้า ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ในด้านการบาดเจ็บทางร่างกายและความสูญเสียในมรดกและสิ่งปลูกสร้างทางวัฒนธรรม

ส่วนความสูญเสียในระดับที่ 2 น้ำท่วมจะหยุดการทำงานของไฟฟ้า ทำลายเครื่อจักรและระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ ซึ่งผลกระทบโดยอ้อมที่เกิดขึ้นคือ ความสูญเสียในอุตสาหกรรม การจราจรติดขัดคนไม่สามารถมาทำงานได้ มีสารปนเปื้อนในน้ำ และผลกระทบโดยอ้อมที่จะเกิดกับคนคือ ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต และระดับที่ 3 คือ การเพิ่มระดับความเสียหายและความเสื่อมสภาพของทรัพย์สินถือครอง การเกิดภาวะน้ำเน่าเสียในระยะยาว โครงสร้างต่างๆ ถูกกระทบทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น โดยจะพบว่าธุรกิจบางส่วนจะล้มละลาย เสียภาวะการส่งออก และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศลดลง ซึ่งผลกระทบโดยอ้อมที่เกิดกับประชาชนคือ ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

ดร.อมรวิชช์ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบการจัดการนั้น อยู่บนหลักการพื้นฐาน 6 ประการหลัก คือ 1.การประเมินรูปแบบวิธีจัดการบริหารน้ำจากข้อมูลและกรณีศึกษาในแต่ละแง่มุม เช่น จีน มีการวางยุทธศาสตร์จัดการน้ำอยู่ 3 หลักใหญ่คือ การดูแลดินและน้ำ การสร้างระบบควบคุมน้ำท่วม และการทดสอบภาวะน้ำท่วม นอกจากนี้การทำประกันน้ำท่วม รัฐบาลจีนก็เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างความร่วมมือและถือเป็นโครงการน้ำร่อง 2.การพึ่งพาการพยากรณ์อากาศ 3.การจัดทำระบบสัญญาณเตือนภัยและการกระจายข่าวสารถึงประชาชน 4.การจัดทำกฎเกณฑ์ ข้อบังคับในการใช้พื้นที่ เช่น ญี่ปุ่น มีกฎหมายแม่น้ำ (river law) ที่เน้นการควบคุมในภาวะน้ำท่วม และการลดความสูญเสียระหว่างน้ำท่วมให้มากที่สุด โดยมีกฎเกณฑ์ที่ออกมาควบคุมเรื่องระดับน้ำ การไหลผ่านของน้ำ พนังกั้นน้ำ โดยเชื่อมโยงกับการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติริมแม่น้ำ 5.ระบบการช่วยเหลือในแต่ละชุมชน และ 6.การประสานงานในระดับสากล

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code